
ที่มาของรูปภาพประกอบ https://www.thaigov.go.th
นายกฯ รับมอบวัคซีน COVID-19 ล็อตแรก
มาถึงไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับวัคซีนป้องกัน COVID-19 ล็อตแรก ทั้งของ Sinovac จากจีน จำนวน 200,000 โดส และ Astrazeneca จากอังกฤษ 117,600 โดส ทำให้สถานการณ์ COVID-19 ในไทยดูจะมีความหวังมากขึ้นอีกระดับ โดยบุคคลระดับนำในรัฐบาลเตรียมที่จะประเดิมรับการฉีดวัคซีนล็อตแรกนี้ ก่อนจะแจกจ่ายต่อไปยังกลุ่มเป้าหมายที่สมัครใจ เน้นไปที่บุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้า ตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ.64
และล่าสุดเมื่อวันที่ 27 ก.พ.64 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สธ. เปิดเผยว่า ในวันที่ 28 ก.พ.64 จะเริ่มฉีดวัคซีนให้กับบุคลากรทางการแพทย์ โดยมี นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัด สธ. เป็นผู้ฉีดคนแรกของประเทศไทยในเวลา 07.30 น. ที่สถาบันบำราศนราดูร โดยนายอนุทินและ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะร่วมเป็นสักขีพยานและให้กำลังใจ ส่วนประเด็นที่นายกฯ ไม่ได้เข้ารับการฉีดวัคซีนในวันเดียวกันนั้นถือเป็ยดุลยพินิจของแพทย์ เพราะวัคซีนแต่ละชนิดมีเงื่อนไขที่แตกต่างกัน โดย Sinovac จะฉีดให้กับคนที่มีอายุระหว่าง 18-59 ปี และ Astrazeneca จะฉีดให้กับผู้มีอายุ 60 ปี ขึ้นไป นอกจากนี้ Astrazeneca ยังไม่ได้ยื่นเอกสารหรือตัวอย่างการนำส่ง ซึ่งการฉีดต้องคำนึงถึงความปลอดภัย จึงต้องให้แพทย์เป็นคนตัดสินใจ
อย่างไรก็ดี เมื่อติดตามกระแสสังคมของผู้ใช้โซเชียลในห้วงการมาถึงของวัคซีนทั้ง 2 ค่าย พบว่าความเห็นของประชาชนค่อนข้างแตกต่างกัน ซึ่งสะท้อนออกมาทั้ง “ความหวัง” และ “ความไม่มั่นใจ”
ผู้คนที่เริ่มมีความหวังหลังเห็นว่าการมาถึงของวัคซีนใกล้ตัวเข้ามาทุกที ยังคงมีความมั่นใจว่าวัคซีนจะสามารถช่วยป้องกันโรค COVID-19 ได้และไม่เป็นอันตราย ทั้งนี้ กุญแจสำคัญคือการป้องกันตนเองและสร้างภูมิคุ้มกัน แต่ในอีกด้าน กลุ่มคนที่ยังมีความไม่มั่นใจยังคงมีอยู่เป็นจำนวนมาก โดเฉพาะการส่งต่อข้อมูลที่ส่งผลในแง่ลบต่อความเชื่อมั่นในการฉีดวัคซีน และยิ่งเมื่อนายกฯ เลื่อนฉีดวัคซีนออกไปจากวันที่ 28 ก.พ. อย่างไม่มีกำหนด การตั้งคำถามเกี่ยวกับประสิทธิภาพของวัคซีนยิ่งถูกส่งเสียงจากประชาชนดังยิ่งขึ้น
ที่มาของข่าว https://www.khaosod.co.th/covid-19/news_6036751