เว็บไซต์ cnbc.com และรอยเตอร์ รายงานเมื่อ 29 มี.ค.64 ว่า Facebookและ Google กำลังวางแผนที่จะวางสายเคเบิลใต้ทะเลขนาดใหญ่สองเส้นที่จะเชื่อมโยงชายฝั่งตะวันตกของสหรัฐฯ กับสิงคโปร์ และอินโดนีเซีย ซึ่งมีเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และมีประชากรผู้ใช้งานโทรศัพท์เคลื่อนที่แบบสมาร์ทโฟนจำนวนมาก
Facebook ได้ลงทุนวางสายเคเบิลทรานส์แปซิฟิก (Trans-Pacific) ชื่อ Echo และ Bifrost และว่าสายเคเบิลใหม่นี้จะรองรับการส่งผ่านข้อมูลระหว่างภูมิภาคได้เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 70 และเพิ่มความเสถียรของอินเทอร์เน็ต โดยบริษัท Telin ของอินโดนีเซียและบริษัท Keppel ของสิงคโปร์จะเป็นผู้วางสายเคเบิล Bifrost ขณะที่บริษัท XL Axiata ของอินโดนีเซียจะเป็นผู้วางสาย Echo ส่วน Google ได้ลงทุนในสายเคเบิล Echo เพียงแนวเดียวซึ่งมีกำหนดแล้วเสร็จภายในปลายปี 2566 ขณะที่ Bifrost มีกำหนดแล้วเสร็จภายในปลายปี 2567
ทั้งนี้ การวางสายเคเบิลใต้น้ำของ Google และ Facebook มีวัตถุประสงค์ร่วมกันคือ ต้องการให้ผู้คนทั่วโลกเข้าถึงอินเทอร์เน็ตให้มากที่สุด เห็นได้จาก เมื่อ พ.ค.63 Facebook ประกาศแผนการสร้างสายเคเบิลใต้ทะเลยาว 37,000 กิโลเมตร รอบทวีปแอฟริกาเพื่อให้ชาวแอฟริกันเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้ดีขึ้น และก่อนหน้านี้ Facebook มีแผนที่จะส่งสัญญาณอินเทอร์เน็ตไปยังพื้นที่ห่างไกลโดยใช้โดรนพลังงานแสงอาทิตย์ บริษัท เรียกว่า Aquila ซึ่งได้ปิดโครงการในปี 2561 อย่างไรก็ดีมีรายงานว่า Facebook ได้ร่วมกับ Airbus เพื่อทดสอบโดรนที่มีลักษณะคล้ายกันอีกครั้งในออสเตรเลีย
ส่วน Google ยังมีการดำเนินการเกี่ยวกับสายเคเบิลใต้น้ำที่เรียกว่า Equiano ซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อเชื่อมต่อแอฟริกากับยุโรป ล่าสุด Google ได้ประกาศขยายแผนดังกล่าวไปยังโมซัมบิกอีกด้วย
ข้อสังเกต **** Facebook และ Google มุ่งขยายตลาดในอินโดนีเซียซึ่งมีประชากรกว่า 270 ล้านคน มากเป็นลำดับ 4 ของโลก และเป็นที่น่าสังเกตุว่าสายเคเบิล Echo และ Bifrost มีกำหนดวางแนวในทะเลชวา ซึ่งจะไม่ผ่านทะเลจีนใต้อันเป็นเขตอิทธิพลของจีน
ที่มา : https://www.cnbc.com/2021/03/29/facebook-google-to-lay-subsea-cables-between-us-and-southeast-asia.html