นับตั้งแต่กลุ่มตอลีบันขึ้นมามีอำนาจในอัฟกานิสถาน ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาการเปลี่ยนผ่านที่มีความสำคัญอย่างมากในประเทศโดยเฉพาะการบริหารจัดการบ้านเมืองให้กลับมาอยู่ในสภาพปกติหลังจากเผชิญสงครามกลางเมืองมาเป็นเวลายาวนาน
อย่างไรก็ตามด้วยสถานการณ์รอบนอกที่ไม่เป็นใจ ผนวกกับตอลีบันถูกรัฐบาลคว่ำบาตรทางการเงิน ทำให้รัฐบาลอัฟกานิสถานปัจจุบันไม่สามารถนำเงินฝากจำนวนมากที่อยู่ในสหรัฐอเมริกาออกมาใช้ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้
ลักษณะเช่นนี้ส่งผลให้ปัจจุบันอัฟกานิสถานเผชิญปัญหาวิกฤตอย่างหนัก และตามมาด้วยปัญหาด้านมนุษยธรรม โดยเฉพาะการขาดแคลนอาหาร ข้อมูลขององค์การระหว่างประเทศด้านอาหารระบุว่าตอนนี้หลายพื้นที่ของอัฟกานิสถานกำลังเผชิญปัญหาความอดอยากทางด้านอาหารอย่างหนัก และเรียกร้องให้นานาชาติให้ความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน
และหนึ่งในประเทศที่ก่อนหน้านี้มีท่าทีค่อนข้างแข็งกร้าวกับกลุ่มตอลีบัน และยังคงรักษาระยะห่างอย่างมากจากรัฐบาลชุดใหม่ของอัฟกานิสถานก็คืออินเดียนั้น ได้กลายเป็นหนึ่งในประเทศที่วันนี้ตัดสินใจให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่อัฟกานิสถาน ภายใต้การปกครองของตอลีบัน
โดยในเบื้องต้นมีข้อมูลระบุว่ารัฐบาลอินเดียตัดสินใจให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่อัฟกานิสถาน เป็นอาหารและยากที่มีปริมาณมากถึง 50,000 เมตริกตัน ยิ่งไปกว่านั้นในการประชุมกลุ่ม 20 นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดีของอินเดียยังเรียกร้องให้ประเทศในกลุ่มดังกล่าวให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมกับอัฟกานสถานอีกด้วย
และเมื่อช่วงวันที่ 20 ตุลาคมที่ผ่านมา อินเดียได้ตัดสินใจส่งเจ้าหน้าที่ระดับสูงเข้าร่วมประชุมเกี่ยวกับสถานการณ์ในอัฟกานิสถานที่กรุงมอสโคว ประเทศรัสเซีย ซึ่งในการประชุมนี้รองนายกรัฐมนตรีของอัฟกานิสถานจากกลุ่มตอลีบันนาย Abdul Salam Hanafi เข้าร่วมด้วย
การพบปะกันครั้งนี้ระหว่างเจ้าหน้าที่ระดับสูงของอินเดีย กับผู้นำทางการเมืองของอินเดียถือเป็นการยกระดับการพูดคุยครั้งสำคัญหลังจากตอลีบันสามารถขึ้นมาปกครองอัฟกานิสถานได้สำเร็จ และภายหลังการพูดคุยนั้น โฆษกกลุ่มตอลีบันได้ออกมาให้ข้อมูลว่าอินเดียจะให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่อัฟกานิสถานเพิ่มเติมจากที่ให้ความช่วยเหลือก่อนหน้านี้
ฉะนั้นอาจกล่าวได้ว่าในช่วงเดือนตุลาคมนี้อินเดียมีความเคลื่อนไหวที่ค่อนข้างน่าสนใจเกี่ยวกับอัฟกานิสถานหลังจากก่อนหน้านี้วางเฉยและออกจะต่อต้านการขึ้นมามีอำนาจของกลุ่มตอลีบันอย่างมาก ผ่านการกล่าวหลายครั้งของผู้นำระดับสูงในรัฐบาลเดลี
อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ได้เคยเขียนบทวิเคราะห์เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างอินเดียและอัฟกานิสถานไว้บ้างแล้วว่าสุดท้ายอินเดียยังจำเป็นต้องคุยกับอัฟกานิสถานภายใต้การนำของตอลีบัน เนื่องจากอินเดียมีผลประโยชน์จำนวนมากในประเทศดังกล่าว และการติดต่อกับตอลีบันจะมีส่วนช่วยป้องกันปัญหาแคชเมียร์ของอินเดียได้
แต่ที่ต้องพิจารณาด้วยเช่นกันว่าอาจเป็นสาเหตุสำคัญให้อินเดียกลับมากระตือรือร้นอย่างมากต่อเรื่องอัฟกานิสถานคือเรื่อง การที่กลุ่มตอลีบันหันมารื้อฟื้นหลายโครงการสำคัญทางเศรษฐกิจในประเทศ ซึ่งถือเป็นผลประโยชน์โดยตรงของอินเดีย กล่าวคือในช่วงต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา รัฐบาลตอลีบันได้รื้อเรื่องสัมปทานเหมืองและโครงการท่อก๊าซนานาชาติ เติร์กเมนิสถาน-อัฟกานิสถาน-ปากีสถาน-อินเดีย ออกมาปัดฝุ่นอีกครั้ง
แน่นอนว่าอินเดียเองเล็งโครงการพัฒนาดังกล่าวมาโดยตลอด โดยเฉพาะโครงการท่อก๊าซนานาชาติที่อินเดียพยายามผลักดันมาเป็นเวลายาวนานนับตั้งแต่ช่วงทศวรรษที่ 1990 การที่ได้ไฟเขียวจากตอลีบันเช่นนี้ย่อมส่งผลอย่างมากต่อการขับเคลื่อนโครงการนี้ และปัจจัยนี้เองที่คาดว่าอินเดียเริ่มมีท่าทีผ่อนคลายกับตอลีบันมากยิ่งขึ้น แม้ว่าจะกังวลกับภัยคุกคามทางด้านความมั่นคงก็ตาม
ผู้เขียน
ศุภวิชญ์ แก้วคูนอก
นักศึกษาปริญญาเอกที่คณะการจัดการ และนักวิจัยประจำสถาบันวิจัยแถบและเส้นทาง มหาวิทยาลัยเซี่ยเหมิน สนใจประเด็นการต่างประเทศ การเมือง และการพัฒนาในภูมิภาคเอเชียใต้และจีน