เกาหลีใต้
ประกาศเมื่อ 23 ก.ค.64 บังคับใช้มาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม ระดับ 4 หรือระดับสูงสุดในพื้นที่กรุงโซล จ.คยองกี และนครอินชอน ต่อเนื่องอีก 14 วัน ระหว่าง 26 ก.ค.-8 ส.ค.64
ฟิลิปปินส์
ประกาศเมื่อ 23 ก.ค.64 ห้ามเด็กและเยาวชนอายุ 5-17 ปี ในกรุงมะนิลาและอีก 16 เมืองใน 4 จังหวัด เดินทางออกจากที่พักอาศัย เนื่องจากการแพร่ระบาดของเชื้อ COVID-19 สายพันธุ์เดลตา
ออสเตรเลีย
ระบุเมื่อ 24 ก.ค.64 พบกลุ่มผู้ประท้วงรวมตัวเพื่อต่อต้านมาตรการ Lockdown ในนครซิดนีย์และนครเมลเบิร์น
อินเดีย
ระบุเมื่อ 23 ก.ค.64 เรียกร้องนานาประเทศให้ยกเลิกมาตรการจำกัดการเดินทางเข้า–ออกประเทศต่อชาวอินเดีย หลังจากพบผู้ติดเชื้อ COVID-19 ลดลงต่อเนื่อง
EU
แถลงเมื่อ 22 ก.ค.64 ว่า ประชากรวัยผู้ใหญ่ใน EU ได้รับวัคซีนป้องกันโรค COVID-19 เข็มแรกแล้วร้อยละ 68.4 โดยในจำนวนนี้ร้อยละ 54.7 ได้รับวัคซีนครบโดสแล้ว ทำให้ EU ใกล้ถึงเป้าหมายฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมประชากรร้อยละ 70 ภายใน ก.ค.64 เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่
WHO
ระบุเมื่อ 23 ก.ค.64 ยืนยันวัคซีนป้องกันโรค COVID-19 ที่พัฒนาขึ้นด้วยเทคโนโลยี mRNA ไม่สามารถเปลี่ยน DNA ของผู้ที่ได้รับวัคซีนดังกล่าว และปลอดภัยเหมือนกับวัคซีนชนิดอื่น ๆ พร้อมกับเรียกร้องเมื่อ 22 ก.ค.64 ให้อินโดนีเซียใช้มาตรการ Lockdown ที่เข้มงวดขึ้นและดำเนินการเร่งด่วนเพื่อรับมือกับจำนวนผู้ติดเชื้อ COVID-19 ที่เพิ่มขึ้นใน 13 จังหวัด
นิวซีแลนด์
ประกาศเมื่อ 23 ก.ค.64 ระงับนโยบาย Travel Bubble กับออสเตรเลียที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อ สายพันธุ์เดลตาเป็นวงกว้าง ตั้งแต่ 24 ก.ค.64 เป็นเวลาอย่างน้อย 8 สัปดาห์
ฟิลิปปินส์
แถลงเมื่อ 23 ก.ค.64 ไม่อนุญาตให้ชาวต่างชาติที่เดินทางหรือเปลี่ยนเครื่องมาจากไทยและมาเลเซียเดินทางเข้าฟิลิปปินส์ตั้งแต่ 25-31 ก.ค.64 เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดโรค COVID-19 สายพันธุ์เดลตา
สหรัฐฯ
ประกาศเมื่อ 21 ก.ค.64 ขยายมาตรการปิดพรมแดนระหว่างแคนาดาและเม็กซิโกจนถึง 21 ส.ค.64 สำหรับการเดินทางที่ไม่มีเหตุจำเป็น
จีน
ระบุเมื่อ 22 ก.ค.64 ปฏิเสธแผนของ WHO ที่จะขอเข้าไปสืบหาต้นกำเนิดของโรค COVID-19 ครั้งที่ 2 เนื่องจากมีการเชื่อมโยงประเด็นการเมืองและขัดต่อหลักการทางวิทยาศาสตร์