หลังจาก Bitcoin ได้พุ่งขึ้นไปทำจุดสูงสุดใหม่ตลอดกาล (All Time High-ATH) ที่ราคา $68,997 เมื่อช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน 2564 ที่ผ่านมา แต่ไม่สามารถดันราคาให้ขึ้นไปยืนเหนือเส้นแนวต้านทางจิตวิทยาที่ $70,000 ได้ ทำให้มีแรงเทขายจากนักลงทุนทั้งรายย่อยและรายใหญ่อย่างต่อเนื่องมาตลอดระยะ 2 เดือนจนถึงมกราคม 2565 ซึ่งส่งผลให้ราคาของ Bitcoin ร่วงลงมายังแนวรับที่ $45,000 และ $42,000 ตามลำดับในสัปดาห์แรกของเดือนมกราคม ภาพรวมอารมณ์ของตลาดจึงกลับมาสู่ระดับที่ค่าดัชนีความกลัว (fear sentiment) ตกลงมาอยู่ในระดับ 15-18 อีกครั้ง เพราะนักลงทุนส่วนใหญ่ โดยเฉพาะในกลุ่มรายย่อยมีความเชื่อว่าภาวะตลาดขาขึ้น (bull run) ได้จบลงแล้ว และกำลังจะแทนที่ด้วยตลาดขาลง (bear market) ในระยะสั้นนี้ พิจารณาจากการตัดกันของเส้นค่าเฉลี่ย (moving average) หลายๆเส้น เช่น เส้นค่าเฉลี่ย 10-21, 12-26, 21-34 รวมถึง 50-200 ที่เป็นสัญญาณสากลของนักลงทุนทั่วโลกในการบ่งชี้ถึงตลาดขาลง (death cross) เป็นต้น
หากประเมินจากลักษณะการเคลื่อนตัวของกราฟราคา Bitcoin ในช่วงพฤศจิกายน 2564-มกราคม 2565 จะเห็นได้ว่าแม้ราคา Bitcoin จะไม่สามารถขึ้นไปยืนเหนือแนวต้านกลุ่มราคา $64,500-$65,000 ได้ แต่การก่อตัวของรูปแบบกลุ่มแท่งเทียนมีจุดที่บ่งชี้ให้เห็นถึงแรงช้อนซื้อ และความพยายามที่จะผลักดันราคาให้ทะลุเส้นแนวต้านกรอบทะแยง (descending channel) อย่างต่อเนื่องจนถึงสิ้นเดือนพฤศจิกายน ก่อนการเทขายครั้งใหญ่และเข้าสู่สภาวะไร้ทิศทาง (sideway) ตลอดเดือนธันวาคม โดยไม่เคยหลุดแนวรับที่ 61.8% Fibonacci จนถึงสิ้นปี อีกทั้งยังมีความพยายามที่จะกลับไปทดสอบแนวต้านกรอบทะแยงที่บริเวณ $51,000 ในช่วงปีใหม่ แต่ไม่สามารถทะลุผ่านไปได้ แนวรับถัดไปสำหรับเดือนมกราคม 2565 นี้ จึงถูกขยับลงมาที่บริเวณ $40,500-$42,000 ซึ่งเป็นทั้งโซนแนวรับเดิมจากช่วงกราฟราคาพักตัว (continuation pattern) เดือนกันยายน 2564 และแนวรับของกรอบทะแยง ซึ่งตั้งอยู่กึ่งกลางระหว่างแนวรับที่ 61.8% และ 78.6% Fibonacci บริเวณ $37,500 พอดี
ในกรณีที่แนวรับบริเวณดังกล่าว บริเวณกรอบราคา $40,500-$42,000 นี้สามารถรับแรงขายของ Bitcoin ได้อยู่ โดยที่ราคาไม่ลงไปต่ำกว่าจุดนี้จนทำให้แท่งเทียนเสียทรง จะทำให้นักลงทุนในตลาดตีความว่าเกิดสัญญาณที่บ่งชี้ถึงแนวโน้มตลาดขาขึ้น (hidden bullish divergence) Bitcoin อาจเข้าสู่สภาวะสะสมแรงซื้อ (accumulation phase) เพื่อส่งให้ราคากลับไปทดสอบแนวต้านที่ $45,000-$46,000 ได้อีกครั้งในช่วงปลายเดือนมกราคม โดยหากสามารถทะลุออกจากแนวต้านกรอบทแยงขึ้นไปยืนเหนือ $45,000 ที่นอกกรอบข้างต้นได้ก็จะเป็นการยืนยันจุดกลับตัวเข้าสู่ตลาดขาขึ้นในช่วงกุมภาพันธ์ 2565
แต่ในทางกลับกัน หากแนวรับที่ราคา $40,500 นี้ไม่สามารถเป็นพื้นที่ที่สร้างจุดกลับตัวสำหรับส่ง Bitcoin กลับไปทดสอบแนวต้านเดิม ราคาอาจปรับตัวลงไปอยู่ที่บริเวณขอบล่างของแนวรับกรอบทะแยงใกล้กับแนวรับที่ 78.6% และ 88.7% Fibonacci บริเวณราคา $35,500-$37,500 ได้ ก่อนจะกลับมาพยายามทดสอบราคาเส้นสีแดงบริเวณ $40,500 ที่เปลี่ยนสภาพจากแนวรับไปเป็นแนวต้าน ซึ่งหากเกิดสถานการณ์ในลักษณะดังกล่าวนี้ โอกาสที่ Bitcoin จะไม่สามารถผ่านทะลุขึ้นไปยืนเหนือแนวต้านเส้นสีแดงภายใน 1-2 ครั้งแรกอาจมีสูง เนื่องจากแนวราคาเส้นสีแดงนั้นเป็นโซนที่ถูกมองว่าเป็นแนวรับและแนวต้านที่แข็งแกร่งมากกว่าแนวอื่นๆ เพราะถูกทดสอบราคาจาก Bitcoin มาแล้วหลายครั้ง และจะส่งผลให้กราฟแท่งเทียนของเดือนมกราคม 2565 นี้จะต้องปิดเป็นสีแดงโดยไม่พบจุดกลับตัวของราคาตามเดือนธันวาคม 2564 ไป
บทความนี้เป็นบทความสรุปความเคลื่อนไหวของตลาดสกุลเงินดิจิทัล ไม่ใช่คำแนะนำการลงทุน The Intelligence มีข้อพิจารณาว่าการลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลอย่างรอบด้าน ก่อนตัดสินใจลงทุน