คาซัคสถาน ซึ่งเป็นประเทศที่ขุด Bitcoin มากเป็นอันดับสองของโลกได้ตัดการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตภายหลังจากเหตุการณ์จลาจลภายในประเทศ ส่งผลกระทบให้พลังการขุด cryptocurrency โดยรวมทั่วโลกลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
การที่รัฐบาลคาซัคสถานสั่งปิดอินเทอร์เน็ตทั่วประเทศภายหลังเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบจากการชุมนุมประท้วงราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นในคาซัคสถาน ส่งผลให้มีการปะทะกันอย่างรุนแรงระหว่างผู้ประท้วงและกองกำลังความมั่นคง ประธานาธิบดีคาซึม โจมาร์ท โทคาเยฟ ของคาซัคสถานจึงได้สั่งให้ผู้ให้บริการโทรคมนาคมปิดกั้นการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต โดยจากข้อมูลของ BTC.com ที่บริการข้อมูลสำหรับอุตสาหกรรมคริปโตเคอเรนซี (cryptocurrency) พบว่าแฮชเรท (hashrate) ทั่วโลก ซึ่งเป็นหน่วยวัดพลังประมวลผลสำหรับการขุด Bitcoin พบว่ากำลังขุดทั่วโลกลดลง 14% ซึ่งมีสาเหตุจากการที่นักขุด Bitcoin จำนวนเกือบหนึ่งในห้าของโลกซึ่งอยู่ในคาซัคสถานถูกตัดการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ทำให้ถูกตัดขาดจากเครือข่าย Bitcoin ด้วย ส่งผลให้ขุด Bitcoin ไม่ได้ โดยพบว่านักขุด Bitcoin จำนวนมากในคาซัคสถานเป็นนักขุดที่เพิ่งย้ายถิ่นฐานออกมาจากจีนหลังจากการปราบปรามการขุด Bitcoin ของจีนเมื่อปี 2564 ซึ่งคาซัคสถานเป็นเป้าหมายที่น่าสนใจสำหรับนักขุด Bitcoin เนื่องจากคาซัคสถานใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลรวมทั้งถ่านหินผลิตไฟฟ้ามากกว่าร้อยละ 90 ของการจ่ายไฟฟ้าของประเทศ ทำให้ค่า
ไฟฟ้ามีราคาถูก การโยกย้ายดังกล่าว ทำให้คาซัคสถานมีส่วนแบ่งในตลาด Bitcoin เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จากเพียง 1.4 % เมื่อ ก.ย.62 เป็น 18.1 % เมื่อ ส.ค. 64
ที่มา : https://www.newscientist.com/article/2303666-kazakhstan-unrest-takes-down-a-fifth-of-global-bitcoin-mining-network/