จากกระแสข่าวการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ช่วงมกราคม 2565 ที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นได้ชัดเจนว่าราคาของ Ethereum ยังคงตอบสนองต่อแนวรับที่บริเวณ $2,150 ได้เป็นอย่างดี เนื่องจากเป็นแนวสำคัญรองลงมาจากโซน $1,750 ที่เคยช่วยรับราคาเมื่อช่วงตลาดขาลงระยะสั้นเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม 2564 โดยมีแรงซื้อช่วยดันราคากลับขึ้นมาทันทีที่ดิ่งลงไปทดสอบแนวรับดังกล่าว และปัจจุบัน Ethereum กำลังพยายามเคลื่อนไปทดสอบแนวต้านที่ $2,700 ซึ่งเป็นแนวต้านระยะสั้น และเป็นจุดที่นักลงทุนส่วนใหญ่จับตามอง โดยคาดหวังให้เป็นจุดกลับตัว และส่งสัญญาณถึงตลาดขาขึ้นอีกครั้ง (บริเวณเส้นแนวทแยงสีม่วง ตามภาพที่ 1) และหาก Ethereum ต้องการให้นักลงทุนส่วนใหญ่ในตลาดมีมุมมองเชิงบวก จะต้องผ่านแนวต้านตามเส้นสีม่วงเพื่อขึ้นไปสร้างฐานราคาบริเวณ $2,850 ให้ได้ในเบื้องต้น และหากมีย่อของราคาในอนาคต จะต้องไม่ดิ่งลงไปต่ำกว่าโซน $2,150 ที่เป็นแนวรับเดิมของมกราคมที่ผ่านมา เพราะจะส่งผลทางจิตวิทยาให้นักลงทุนในตลาดเข้าใจว่าตลาดขาลง (correction phase) ยังไม่จบ
ในกรณีที่ Ethereum ไม่สามารถผ่านแนวต้านตามเส้นสีม่วงได้ ในระยะสั้นอาจย่อลงมาเพื่อขยายฐานราคาบริเวณโซน $2,400 ก่อนและขยับขึ้นไปทดสอบแนวต้านอีกเส้นสีม่วงอีกครั้งในช่วงกลางกุมภาพันธ์ 2565 ซึ่งหากไม่ผ่านอีก อาจมีนักลงทุนระดมเทขาย Ethereum เพราะความตื่นตระหนก จนราคาดิ่งลงไปจนหลุดแนวรับที่ $2,150 อย่างไรก็ดี การที่ราคา Ethereum หลุดจากโซน $2,150 นั้นยังไม่ใช่สถานการณ์ที่น่ากังวลเท่าใดนัก เนื่องจากยังมีแนวรับสุดท้ายบริเวณ $1,750-$1,850 ซึ่งเป็นแนวรับเดิมช่วงตลาดขาลงเมื่อกลางปี 2564 รออยู่ โดยเป็นแนวรับที่มีนักลงทุนจำนวนมากในตลาดคำสั่งซื้อคาดการณ์รอเอาไว้ล่วงหน้า ทำให้คนส่วนใหญ่ในตลาดเชื่อถึงความเป็นไปได้สูงว่าตลาดจะกลับตัวได้หากราคาดิ่งลงมาแตะในบริเวณดังกล่าว ซึ่งผลจากการตั้งคำสั่งซื้อรอไว้ในปริมาณมหาศาลที่บริเวณนี้ จะส่งผลให้ราคา Ethereum ดีดขึ้นทันทีที่ราคาลงไปในจุดดังกล่าว ในฐานะการปฏิเสธราคาของตลาดและแท่งเทียน เกิดเป็นแท่งเทียนสีเขียวที่มีอัตราการเคลื่อนตัวใหญ่เป็นพิเศษ (bullish engulfing candle) และสร้างแรงจูงใจให้นักลงทุนรายย่อยทยอยตามเข้ามาซื้อเพื่อไล่ราคาได้
และเมื่อพิจารณาร่วมกับเครื่องมือวัดแรงซื้อ-ขายอย่างค่าประมวล Relative Strength Index (RSI) จะเห็นได้ว่าแม้แรงซื้อของ Ethereum ในตลาดจะมีน้อยลงอย่างเห็นได้ชัดมาตลอด 3 เดือนที่ผ่านมา แต่จากลักษณะการเคลื่อนที่ของค่า RSI นั้น แสดงถึงความพยายามของ Ethereum ในการกลับไปทดสอบแนวต้านเส้นสีดำ (ตามภาพที่ 2) ทุกครั้งที่ราคาดิ่งลง และในปัจจุบัน Ethereum นั้นได้เข้าสู่จุดที่มีแรงขายมากเกินไป (Oversold phase) ไปแล้วเมื่อมกราคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นจังหวะที่ดีสำหรับนักลงทุนระยะสั้นในตลาดที่คาดหวังการเก็งกำไรจากการเคลื่อนตัวเป็นวงรอบของราคาสินทรัพย์ โดยห้วงปัจจุบันจะเป็นห้วงที่มีนักลงทุนจำนวนมากทยอยเข้ามาช้อนซื้อ Ethereum ด้วยความเชื่อว่า ตลาดขาลง นั้นใกล้จะยุติลงแล้ว โอกาสที่ราคา Ethereum จะปรับตัวขึ้นในระยะสั้น (rebound) จึงมีสูงมากในเดือนกุมภาพันธ์ 2565 โดยมีเป้าหมายราคาอยู่ที่บริเวณ $3,200-$3,500 เป็นหลัก ซึ่งเป็นแนวต้านสำคัญในเดือนกุมภาพันธ์ที่ Ethereum จะต้องทะลุขึ้นไปให้ได้ก่อนจะสามารถยืนยันความเป็นตลาดขาขึ้น
ท้ายสุด สิ่งที่น่าจับตามองในขณะนี้ คือ ETH.D Index หรือดัชนีวัดอัตราเงินทุนไหลเวียนเข้า และอัตราส่วนการถือครองตลาดของ Ethereum ที่ลงมาแตะแนวรับบริเวณ 17.3% เมื่อช่วงปลายมกราคม 2565 แล้วปรากฏให้เห็นถึงการปฏิเสธแนวรับด้วยการเด้งกลับขึ้นไปทดสอบแนวต้านเดิมที่บริเวณ 18.3% ทันที และกำลังพยายามจะทะลุผ่านแนวต้านเส้นทแยงสีดำออกไป (ตามภาพที่ 3) ภาพรวมของราคา Ethereum จึงค่อนข้างมีแนวโน้มว่าจะมีการฟื้นตัวของราคาในช่วงกุมภาพันธ์ 2565 นี้ ไม่ว่าจะเป็นการฟื้นตัวในระยะสั้น (slight rebound) หรือการฟื้นตัวที่จะนำไปสู่การกลับตัวของตลาดเป็นขาขึ้น (trend reversal) ตามอัตราการไหลเวียนของเงินทุนเข้า-ออก Ethereum ที่จะต้องพาสัดส่วนการถือครองตลาดย้อนกลับไปที่บริเวณแนวต้านเดิมในโซน 20.5% และ 22% ตามลำดับ
***บทความนี้เป็นบทความสรุปความเคลื่อนไหวของตลาดเงินและตลาดทุนฯลฯ ไม่ใช่คำแนะนำการลงทุน The Intelligence มีข้อพิจารณาว่าการลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลอย่างรอบด้าน ก่อนตัดสินใจลงทุน***