มนุษย์เราเกิดมาไม่เท่าเทียมกัน ทั้งรูปลักษณ์ หน้าตา สีผิว ความสมบูรณ์ของร่างกาย และฐานะ …สิ่งเหล่านี้ส่งผลต่อโอกาสในการใช้ชีวิต ไม่ว่าจะเป็นโอกาสทางการศึกษา ไปจนถึงหน้าที่การงานและการสร้างรายได้ อย่างไรก็ตาม รัฐมีเครื่องมือลดความแตกต่างนี้ลงด้วยสิ่งที่เรียกว่า “สวัสดิการ” จากรัฐ ที่เปลี่ยนบริการบางอย่างให้ประชาชนสามารถเข้าถึงได้อย่างสาธารณะ หรือควบคุมไว้ไม่ให้เกิดการผูกขาด ภายใต้การบริหารงบประมาณจากการเก็บภาษีตามอัตราส่วนต่าง ๆ
แนวคิดของการบริหาร “ภาษี” ถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือในการรวบรวมงบประมาณ ทั้งจากผู้มีรายได้สูงและรายได้ต่ำ โดยใช้ในการบริการประชาชนทุกระดับ ดังนั้น ภาษีจึงมีส่วนช่วยในการลดความเหลื่อมล้ำทางสังคมได้ โดยเฉพาะในลักษณะของ “รัฐสวัสดิการ” ที่จะมีการเก็บภาษีจากโอกาสต่างๆ มาชดเชยค่าเสียโอกาสต่างๆ เช่น การเก็บภาษีสิ่งแวดล้อม (ECO TAX) จากผู้ก่อมลพิษเพื่อจูงใจให้ลดการก่อมลพิษที่จะส่งผลกระทบต่อคนทั่วไป การเก็บภาษีน้ำจากการทำเกษตรเพื่อสร้างรายได้สำหรับการอนุรักษ์ระบบนิเวศในระดับลุ่มน้ำ ภาษีถือเป็นการให้มูลค่ากับสิ่งต่างๆ เป็นการตีความทางตัวเลขเพื่อเปรียบเทียบค่าเสียโอกาสต่างๆ และเพิ่มเติมชดเชยให้เหมาะสม
จากแนวคิดดังกล่าว ในอนาคตมนุษย์หากคนคนหนึ่งเกิดมามีความพิการ 60% จะได้รับการชดเชยเพื่อสร้างโอกาสให้เท่าเทียมกับคนที่เกิดมาสมบูรณ์ 100% นั่นหมายความว่า คนที่เกิดมาสมบูรณ์จะต้องทำ 140% เพื่อชดเชยให้คนพิการ หรือแบ่งให้เป็น 80% เท่ากันทั้งสองคน ถือเป็นความรับผิดชอบของส่วนรวมทางสังคมภายใต้แนวคิดแบบอำนาจนิยมที่จัดสรรให้ทุกคนอย่างเท่าเทียมกันในยุคที่ทุกอย่างสามารถตีค่าชี้วัดออกมาเป็นตัวเลขได้ ซึ่งในสังคมรูปแบบนี้ บริษัทธุรกิจขนาดใหญ่ก็จะต้องเสียภาษีคืนกำไรให้กับสังคมอย่างมาก โดยเฉพาะรับผิดชอบต่อกลุ่มคนที่อยู่ในกระบวนการหรือได้รับผลกระทบจากธุรกิจนั้นๆ
ไม่ใช่แค่ภาษีและการตีมูลค่าตัวเลขเท่านั้น แต่ “การพัฒนาเทคโนโลยี” กำลังมีส่วนช่วยในการสร้างความเท่าเทียมทางรายได้เพิ่มขึ้น เมื่อการผูกขาดกับผู้ประกอบการรายใหญ่ผู้กุมเครื่องมือการให้บริการและข้อมูล ในยุคที่ข้อมูลผู้ใช้งานในโลกออนไลน์เป็นทรัพยากรสำคัญ ผู้ที่ครอบครองข้อมูลจำนวนมากเป็นผู้มีอำนาจ แต่ด้วยการพัฒนา web 3.0 โดยเทคโนโลยีแบบ Blockchain ซึ่งเป็นการปฏิเสธการมีสูญกลาง (Decentralized) ซึ่งกระจายฐานข้อมูลและการตรวจสอบสู่คอมพิวเตอร์ของผู้ใช้งานทุกๆ เครื่อง ผู้ใช้งานจะมีความสามารถในการเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาเว็ปไซต์ โดยไม่ถูกปิดกั้นควบคุมโดยผู้มีอำนาจกลุ่มใด แนวคิด (Idea) ผลงาน รูปภาพ จะสามารถยืนยันเจ้าของ ลดความสามารถในการเพิ่มจำนวน (copy) อย่างไร้ขีดจำกัด ทำให้เกิดความน่าเชื่อถือและมีมูลค่า สร้างรายได้ให้กับเจ้าของผลงานทุก ๆ คนอย่างอิสระ นี่คือปรากฏการณ์ “กระจายอำนาจการพัฒนาโลกออนไลน์” ไปอยู่ในมือของผู้ใช้งาน ถือเป็นสิทธิที่แสดงถึงความเท่าเทียม ที่ไม่ได้จำกัดว่าจะเกิดขึ้นที่โลกความจริงเพียงเท่านั้น แม้แต่ในโลกออนไลน์ ก็สามารถสร้างความเท่าเทียมนี้ได้
ไม่ว่าจะภาษีหรือ web3.0 จะถูกคิดค้นเพื่อเป็นเครื่องในการบริหารจัดการหรือเป็นเทคโนโลยีทางธุรกิจ แต่ผลที่เกิดขึ้นกลับสร้างนัยทางสังคม และพัฒนาการก้าวต่อไปก็จะขึ้นอยู่กับความเข้มข้น และความจริงจังที่จะผลักดันให้เครื่องมือเหล่านี้ได้ใช้ในการลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม ที่ปัจจุบัน เราอยู่ในยุคที่มีความหลากหลายทางสังคมสูง ทั้งนี้ประเด็นน่าคิดสำคัญคือ การลดความเหลื่อมล้ำจะช่วยลดความขัดแย้งทางสังคมได้ ทำให้สังคมสงบและเกิดการพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ เกิดความความก้าวหน้าของสังคมมนุษย์ต่อไป
——————————————————-