อินโดนีเซียจะเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) จากสกุลเงินดิจิทัล (Cryptocurrency) และเก็บภาษีจากกำไรที่ได้จากการลงทุนอีกร้อยละ 0.1 โดยเริ่มตั้งแต่ 1 พ.ค.65
อินโดนีเซียถือเป็นประเทศในเอเชียตะวันออกเชียงใต้ที่ให้ความสนใจในสินทรัพย์ดิจิทัลจากสถานการณ์การระบาดของ COVID-19 ที่ผ่านมา ปี 2564 พบผู้ถือสินทรัพย์ดิจิทัลเพิ่มขึ้นเป็น 11 ล้านคนและมีการทำธุรกรรมโดยใช้สกุลเงินดิจิทัลซื้อ-ขายสินค้ารูปแบบเครื่องอุปโภคบริโภครวมมูลค่าสูงถึง 859.4 ล้านล้านรูเปียห์ (59,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งมากกว่าปี 2563 ถึง 10 เท่า อย่างไรก็ตามประชากรอินโดนีเซียได้รับอนุญาตให้ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลในฐานะเป็นสินค้าโภคภัณฑ์เท่านั้น ห้ามนำไปชำระหรือชดใช้หนี้แทนเงินสด
อัตราภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับสินทรัพย์ดิจิทัลอาจต่ำกว่า VAT ซึ่งเรียกเก็บที่ร้อยละ 11 จากสินค้าและบริการภายในประเทศ และภาษีเงินได้สำหรับกำไรจากการลงทุนอยู่ที่ร้อยละ 0.1 ของมูลค่าธุรกรรมรวม โดยนาย Hestu Yoga Saksama โฆษกสำนักงานสรรพากรของอินโดนีเซีย ระบุว่า กฎหมายภาษีที่รัฐบาลได้ออกมาเมื่อ ปี 2564 ยังเป็นพื้นฐานสำหรับสินทรัพย์ดิจิทัลมีจุดมุ่งหมายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บรายได้ หลังจากที่เงินกองทุนของรัฐได้รับผลกระทบอย่างมากในปี 2563-2564 อันเนื่องมาจากการระบาดใหญ่ของ COVID-19
ที่มา : https://www.reuters.com/business/finance/indonesia-impose-vat-income-tax-crypto-assets-may-2022-04-01/