ร่างกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาฉบับใหม่ของอินเดียที่เสนอให้หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายมีอำนาจมากขึ้นในการรวบรวมข้อมูลชีวมาตรนั้น เป็นที่น่ากังวลในเรื่องการละเมิดความเป็นส่วนตัว โดยกฎหมายดังกล่าวระบุว่า ผู้ถูกจับกุมหรือผู้ถูกคุมขังจะต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่ละเอียดอ่อน อาทิ การสแกนม่านตาและจอประสาทตา และตำรวจสามารถเก็บข้อมูลนี้ได้นานถึง 75 ปี ทั้งนี้ ร่างกฎหมายดังกล่าวอยู่ระหว่างรอการลงนามจากประธานาธิบดีอินเดีย
อย่างไรก็ตาม ผู้นำฝ่ายค้านของอินเดียได้ต่อต้านกฎหมายฉบับนี้ เนื่องด้วยอาจละเมิดความเป็นส่วนตัวของประชาชน
ด้านนายนเรนทรา โมดิ นายกรัฐมนตรีของอินเดีย ออกมาชี้แจงว่า ร่างกฎหมายดังกล่าวจะทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมีความทันสมัยมากขึ้น และช่วยแก้ปัญหาอาชญากรรมได้อย่างรวดเร็วขึ้นอีกด้วย
ประเด็นที่น่ากังวลของร่างกฎหมายดังกล่าว คือการที่ข้อมูลส่วนบุคคลตกไปอยู่กับทางรัฐบาลอินเดียมากเกินไป เนื่องจากในปัจจุบันอินเดียยังไม่มีกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคล นาย Aditya Sharma นักวิเคราะห์ด้านเทคโนโลยีและนโยบายเห็นว่า การที่รัฐบาลสามารถรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลที่ละเอียดอ่อนได้เป็นจำนวนมากนั้นเป็นสิ่งที่น่ากังวล และร่างกฎหมายยังไม่มีมาตรการป้องกันใด ๆ เพื่อป้องกันการรวบรวมข้อมูลตามอำเภอใจหรือนำข้อมูลไปใช้ในทางที่ผิด จึงคล้ายกับการมอบอาวุธสอดแนมที่เป็นอันตรายต่อประชาชนให้กับรัฐบาล
กฎหมายเกี่ยวกับการจำคุกในปัจจุบันของอินเดีย คือ รัฐบัญญัติการระบุผู้ต้องขัง พ.ศ. 2463 อนุญาตให้ตำรวจรวบรวมเฉพาะภาพถ่าย ลายนิ้วมือ และรอยเท้า แต่จำกัดไว้เฉพาะผู้ที่เคยถูกพิพากษาว่ามีความผิด ผู้อยู่ระหว่างการประกันตัว หรือผู้ที่ถูกตั้งข้อหากระทำความผิดที่มีโทษจำคุกมากกว่า 1 ปีขึ้นไปเท่านั้น
แต่กฎหมายฉบับใหม่นั้นได้ขยายขอบเขตกว้างมากขึ้น เพื่อรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล อาทิ การสแกนม่านตา คุณลักษณะทางพฤติกรรม อาทิ ลายเซ็นต์หรือลายมือ และตัวอย่างทางชีวมาตรอื่น ๆ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญคาดว่าอาจหมายถึงการรวบรวมตัวอย่างดีเอ็นเอหรือเลือด จะบังคับใช้กับผู้ที่ถูกจับกุมและถูกควบคุมตัว โดยศาลหรือผู้พิพากษาสามารถสั่งให้ตำรวจเก็บบันทึกไว้แม้ว่าผู้นั้นพ้นผิดแล้วก็ตาม