สหราชอาณาจักรจะเริ่มทดลองรถโดยสารประจำทางไร้คนขับให้บริการรับ-ส่งผู้โดยสารที่สกอตแลนด์ในฤดูร้อนปี 2565 (กลางปี 2565) ภายใต้โครงการชื่อ CAVForth โดยจะทดลองเดินรถ 5 คัน ระหว่างเมืองเอดินบะระและไฟฟ์ เป็นระยะทาง 14 ไมล์ และมีการทดลองวิ่งข้ามสะพาน Forth Road Bridge ในภาคตะวันออกของสกอตแลนด์เป็นเวลา 2 สัปดาห์ โดยรถโดยสารประจำทางไร้คนขับดังกล่าวสามารถบรรทุกผู้โดยสาร 36 คนข้ามสะพานได้ และคาดว่าจะรองรับผู้โดยสารได้ 10,000 คนต่อสัปดาห์
เดิมทีโครงการ CAVForth จะเริ่มดำเนินการเมื่อปี 2562 แต่ก็ล่าช้าเพราะผลกระทบจากการระบาดของ COVID-19 รถโดยสารประจำทางไร้คนขับดังกล่าวมีระบบเซนเซอร์และเทคโนโลยีการควบคุมที่ทำให้สามารถวิ่งบนเส้นทางที่เลือกไว้ก่อนได้โดยไม่ต้องมีการแทรกแซงหรือควบคุมจากคนขับ แต่ในปัจจุบันยังต้องมีคนขับสำรองอยู่เพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสารและให้เป็นไปตามกฎหมายของสหราชอาณาจักร และจะมีพนักงานอีกคนหนี่งในห้องผู้โดยสารสำหรับมอบบริการและสร้างความมั่นใจให้กับผู้โดยสาร จนกว่ากฎหมายจะอนุญาตให้ไม่ต้องมีคนขับสำรองในห้องคนขับ เพื่อให้พนักงานสามารถให้บริการผู้โดยสารได้เต็มที่
นางหลุยส์ ซิมป์สัน ผู้จัดการโครงการได้กล่าวว่า อุบัติเหตุบนท้องถนนร้อยละ 90 เกิดจากความผิดพลาดของมนุษย์ เพราะมนุษย์มีขีดจำกัดในการมองเห็นและคาดการณ์ ด้วยความสามารถในการมองเห็นที่มากกว่ามนุษย์ รถไร้คนขับจะช่วยหลีกเลี่ยงการเกิดอุบัติเหตุ และเพิ่มความปลอดภัยให้ผู้โดยสารได้ นอกจากนี้การที่คนขับไม่ต้องคอยควบคุมรถ ทำให้สามารถมีเวลาบริการผู้โดยสารมากขึ้นเพื่อควบคุมให้บริการตรงต่อเวลาอีกด้วย
รถโดยสารประจำทางไร้คนขับมีระบบขับขี่อัตโนมัติ 6 ระดับ โดยระดับ 0 – 2 ต้องมีคนขับคอยควบคุมตลอดเวลา และระดับ 3 – 5 รถสามารถขับขี่เองได้โดยอัตโนมัติ ซึ่งปัจจุบัน SAE (Society of Automotive Engineers) ได้อนุญาตให้ใช้งานในระดับ 4 ได้ ซึ่งหมายความว่าคนขับไม่จำเป็นต้องควบคุมรถเพื่อความปลอดภัย แต่การขับขี่อัตโนมัติยังรองรับการใช้งานได้แค่ในบางพื้นที่หรือบางสถานการณ์เท่านั้น
ที่มา : https://www.bbc.com/news/uk-scotland-edinburgh-east-fife-61216302