ชื่อเรื่องอาจไม่เร้าใจ และใครจะรักกับใคร และทูตอเมริกาคนใหม่มาแล้วอย่างไร เกี่ยวข้องกับความรักอย่างไร …. คำถามตามกันมาติด ๆ ขออนุญาตพูดคุยกันพอเจ็บ ๆ คัน ๆ กันในเรื่องความรักระหว่างเรากับอเมริกาที่ความสัมพันธ์มีมายาวนานกว่าร้อยปี
นาย Robert F Godec เตรียมตัวจะมาเป็นทูตอเมริกาคนใหม่ประจำกรุงเทพฯ หรือเรียกเต็ม ๆ ว่า เอกอัครราชทูต แต่ก่อนมาถึงไทย ทางอเมริกาก็มีหลักมีเกณฑ์ว่า ต้องไปชี้แจง หรือบอกเล่ากับคณะกรรมาธิการด้านต่างประเทศของวุฒิสภาก่อนว่า จะมาทำอะไรที่ไทยที่จะทำให้ความสัมพันธ์ที่มีกันอยู่อย่างแน่นแฟ้น ให้โชติช่วงต่อไป และรักกันตลอดไป หากทางวุฒิสภาถูกใจ ก็จะลงคะแนนเสียงให้ผ่านมาไทยได้ ซึ่งนาย Godec ก็ไม่น่าจะพลาด และหลังจากนั้นก็เป็นกระบวนการทางฝ่ายไทยในการดำเนินการต่อไป
จากการที่ได้พูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญ และตาม ๆ อ่าน ข้อมูลที่นาย Godec ชี้แจงกับทางอเมริกาเมื่อ 13 กรกฎาคม 2565 ก็ดูดีนะ ภาพก็ออกมาเป็นบวก ๆ ดูจะเข้าใจความรักอันแน่นแฟ้นระหว่างเรากับอเมริกาดี และก็บอกว่าจะมาส่งเสริมให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไป ซึ่งต่อไปนี้ รัฐบาล ภาคธุรกิจเอกชน ภาคประชาชน ภาคการศึกษา และ NGO ของทั้งสองประเทศจะร่วมมือกันมากขึ้น ตลอดจนร่วมมือกันเพื่อรับมือกับปัญหาต่าง ๆ เช่น การค้ามนุษย์ ยาเสพติด การค้าสัตว์ป่า และวิกฤติโลกร้อน อีกทั้งยังจะร่วมมือกันอย่างแข็งแกร่งในด้านการทหาร การค้า และการลงทุน
เห็นไหม ความรักของไทยกับอเมริกาก็ดูจะราบรื่น หากเราทั้งสองประเทศ “รักกันไว้เถิด” ตามที่ได้เกริ่นชื่อเรื่องไว้ หากนาย Godec ทำตามอย่างที่พูด แต่คนไทยก็เริ่มจะหวั่นไหวจากที่พวกวุฒิสมาชิกถามคำถามนาย Godec ที่จะไม่ค่อยถูกใจคนไทยเท่าไร พอจะสรุปสั้น ๆ ได้ว่า พวกวุฒิสมาชิกช่างสงสัย สนใจถามเกี่ยวกับการส่งเสริมประชาธิปไตยในไทย การเคารพสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกของประชาชน เฉพาะอย่างยิ่งการห้ามวิจารณ์สถาบันพระมหากษัตริย์ นอกจากนี้ ยังขยายวงสงสัยไปยังเรื่องเมียนมาซึ่งเป็นเพื่อนบ้านของไทย (ไม่ได้เป็นเพื่อนบ้านที่มีชายแดนใกล้ชิดกับอเมริกานะ……) ในทำนองที่ว่า ไม่อยากให้เราซื้อก๊าซจากเมียนมา ซึ่งตรงใจกลุ่มไม่เชียร์รัฐบาล ที่เอาไปอ้างได้ว่าทูตอเมริกาคนใหม่จะมากดดันไทยมากขึ้น และรอยืมมือคนไทยวิพากษ์และโจมตีรัฐบาลประเทศตัวเอง
นาย Godec ยังไม่ทันมาไทย ก็ถูกวุฒิสมาชิกช่างสงสัยใส่ข้อมูลที่ไม่เอื้อต่อความสัมพันธ์ไปซะแล้ว แต่เอาเถอะ ยังมีเวลา หากนาย Godec มีความมุ่งมั่นและปรารถนาดีในความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับอเมริกาจริง ๆ ข้อมูลดังกล่าวก็ไม่น่าจะทำให้เกิดความหวั่นไหว เมื่อมาถึงไทยและเห็นความเป็นจริง ไม่ใช่ disinformation ที่จะเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ก็ไม่น่าจะทำให้เรา … ไทยกับอเมริการักกันไม่ได้ และก็จะไม่เป็นเชื้อไฟที่เร่งผลักไสให้ไทยไปอยู่ในอ้อมอกจีนมากขึ้น แม้ไทยกับจีนจะครบรอบ 47 ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกันในปี 2565 นี้ ซึ่งน้อยกว่าอเมริกาแน่ ๆ
สิ่งที่คนไทยอาจต้องมองให้ลึกไปกว่านี้คือ นาย Godec ทำงานตามนโยบายฝ่ายบริหารของอเมริกา ที่ต้องการส่งเสริมความสัมพันธ์กับทุกประเทศ ไม่ได้มุ่งแต่จะกดดันไทยหรือประเทศอื่น ๆ เพียงอย่างเดียว แม้จะเป็นไปตามหลักการเรื่องผลประโยชน์แห่งชาติ จึงเห็นได้ว่าช่วงนี้อเมริกาได้ส่งเจ้าหน้าที่ระดับสูงเดินสายเยือนต่างประเทศ โดยเฉพาะภูมิภาคเอเชียของเราบ่อยมาก เพื่อหาช่องทางในการพัฒนาความสัมพันธ์กับประเทศต่าง ๆ เพื่อให้อเมริกาดำรงบทบาทและความร่วมมือกับประเทศนั้นให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ซึ่งไทยก็เช่นกัน
การเริ่มต้นของนาย Godec ในการชี้แจงต่อวุฒิสภาของประเทศตัวเองที่ทำให้คนไทยที่รักชาติขุ่นมัวในหัวใจ ประกอบกับการเยือนของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงการต่างประเทศอเมริกาในระดับรัฐมนตรีเมื่อต้นกรกฏาคม 2565 จะมีข่าวเล็ดลอดออกมาเล็ก ๆ น้อย ๆ ว่า มาให้เราทำตามเรื่องเมียนมาตามที่อเมริกาต้องการ และอาจทำให้รัฐบาลเมียนมาเข้าใจผิดว่าเราเป็นเพื่อนบ้านที่ไม่จริงใจ น่าจะทำให้ไทยกลับมาคิดทบทวนว่า “รักกันไว้เถิด” ไม่ใช่เป็นเพียงแต่คำพูดเท่านั้น เราต้องรวมพลังความรักของเรา เพื่อรับมือกับทุกเรื่องที่ต้องถาโถมเข้ามา ไม่ใช่เฉพาะเรื่องอเมริกาเท่านั้น ……เพราะหากเราไม่รักกัน หรือรวมพลังกัน ก็น่าจะเดากันออกว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับประเทศไทยของเรา
ขออีกนิด แถมท้ายว่าการที่เราจะมีความสัมพันธ์อันดีกับทุกประเทศ ไม่ว่าอเมริกา หรือจีน หรือประเทศอื่น ๆ ไทยต้องก้าวไปถึงจุดที่ว่า ต้องสื่อสารอย่างตรงไปตรงมาและชัดเจนว่า คนไทยเคารพสิทธิและเสรีภาพในการแสดงออกเช่นเดียวกับทุกประเทศ แต่ก็ขอให้ประเทศดังกล่าว ปฏิบัติกับไทยเช่นเดียวกัน…อย่างโปร่งใส และไว้เนื้อเชื่อใจกัน รวมทั้งให้ความสำคัญในการส่งเสริมให้ความร่วมมือระหว่างกันบนพื้นฐานของความแตกต่างทางวัฒนธรรมและประเพณีของไทยด้วยเช่นกัน
—————————————-