สถาบันเทคโนโลยี McKinsey ซึ่งเป็นที่ปรึกษาด้านการจัดการระดับโลก เผยแพร่บทวิเคราะห์แนวโน้มการนำปัญญาประดิษฐ์มาปรับใช้ในอุสาหกรรมต่างๆ 5 ด้าน สำหรับปี 2565 ดังนี้
1. ด้านการเกษตร Roger Roberts ผู้เชี่ยวชาญของ McKinsey ระบุว่า เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence-AI) มีส่วนช่วยในการสร้างนวัตกรรม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานภาคการเกษตร โดยช่วยให้การทำงานบางอย่างมีความต่อเนื่องและแม่นยำสูง ซึ่ง AI และ และการเรียนรู้ของเครื่อง (Machine Learning-ML) เมื่อเก็บรวบรวมข้อมูลและวิเคราะห์รูปแบบการทำงานจะช่วยให้เกษตรกรสามารถเข้าใจความต้องการของตลาด รวมถึงสามารถควบคุมการผลิตให้คุ้มค่ากับต้นทุน และได้ผลผลิตที่มีประสิทธภาพอีกด้วย มีตัวอย่างเช่น การนำรถแทรกเตอร์ไร้คนขับมาใช้งานเพื่อให้เกษตรกรสามารถทำงานอื่นที่สำคัญกว่า โดย AI จะไม่ได้แทนที่เกษตรกรแต่เปรียบเสมือนเป็นผู้ช่วยเกษตรกร
2. ด้านการศึกษา ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาค่อนข้างมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด ๑๙ ทำให้ต้องมีการจัดการเรียนการสอนผ่านระบบออนไลน์และนักศึกษาต้องปรับตัวเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ๆ อย่างไรก็ดี สถาบันการศึกษาส่วนใหญ่ค่อนข้างเข้มงวด ยึดการเรียนตามโครงสร้างของหลักสูตรและไม่ได้คำนึงถึงความต้องการของผู้เรียนเป็นหลัก ซึ่งการนำ AI มาปรับใช้จะช่วยให้นักเรียนสามารถมีแผนการเรียนรู้ที่เข้ากับตัวเองมากที่สุด โดยการประเมินวิเคราะห์จะอิงจากความต้องการและความก้าวหน้าในการเรียนรู้ของนักเรียนเอง
3. ด้านสาธารณสุข อาจได้รับประโยชน์จาก AI ในการเรียนรู้จดจำเกี่ยวกับข้อมูลโรคจากผู้ป่วยเพื่อช่วยสนับสนุนการวินิจฉัยของแพทย์และผู้เชี่ยวชาญ โดยการนำข้อมูลมาตีความเสนอแนะข้อมูลหลายด้านประกอบการตัดสินใจ ทำให้บุคลากรทางการแพทย์สามารถปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
4. ด้านการค้าปลีกและบรรจุภัณฑ์สินค้า AI จะช่วยให้อุตสาหกรรมร้านค้าปลีกและบรรจุภัณฑ์สินค้าเข้าใจรูปแบบของผู้บริโภคมากขึ้น เพื่อที่จะสามารถปรับอุปทานให้ตรงตามความต้องการและสามารถเพิ่มผลกำไรได้สูงสุด และ ML ช่วยให้ธุรกิจต่างๆ สามารถเข้าใจข้อมูลการซื้อสินค้าของผู้บริโภค จากการวิเคราะห์ชุดข้อมูลขนาดใหญ่ทำให้ผู้ขายสามารถเพิ่มยอดขายได้มากขึ้น และตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้
5. ด้านอสังหาริมทรัพย์ ผู้ซื้อและผู้ขายได้รับประโยชน์อย่างมากจาก AI ในการแนะนำอสังหาริมทรัพย์โดยอัตโนมัติ ทำให้ผู้ซื้อสามารถค้นหาข้อมูลได้ตรงตามความต้องการ และผู้ขายทราบข้อมูลผู้ซื้อที่สนใจมากที่สุด ตลอดทั้งทำให้กระบวนการดำเนินงานรวดเร็วขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ยังช่วยวิเคราะห์ตลาดเพื่อช่วยให้นักพัฒนาสามารถจัดการความเสี่ยงและความผันผวนของราคาเพื่อพร้อมเพิ่มผลตอบแทนจากการลงทุนให้เหมาะสม