สาธารณรัฐเบลารุส
Republic of Belarus
เมืองหลวง มินสก์ (Minsk)
ที่ตั้ง อยู่ในยุโรปตะวันออก ตั้งอยู่ทางตะวันออกของโปแลนด์ และทางตอนเหนือของยูเครน พื้นที่207,600 ตร.กม. (ประมาณ 40% ของไทย) แบ่งเป็น พื้นดิน 202,900 ตร.กม. และพื้นน้ำ4,700 ตร.กม. โดยมีพรมแดนทางบกยาว 3,599 กม.
อาณาเขต
ทิศเหนือ ติดลัตเวียและลิทัวเนีย
ทิศตะวันออก ติดรัสเซีย
ทิศใต้ ติดยูเครน
ทิศตะวันตก ติดโปแลนด์
ภูมิประเทศ ไม่มีทางออกทะเล ส่วนใหญ่เป็นที่ราบลุ่มเต็มไปด้วยน้ำขังประมาณ 70% และเป็นเนินเขา 30% ของประเทศ และมีแม่น้ำ 20,800 สาย ทะเลสาบประมาณ 11,000 แห่ง
ภูมิอากาศ แบบภาคพื้นทวีป ฤดูหนาวอากาศหนาวจัด ฤดูร้อนอากาศเย็นและชื้น
ศาสนา ชาวเบลารุสนับถือศาสนาคริสต์นิกายออร์ทอดอกซ์มากที่สุด และยังมีศาสนาหรือนิกาย ที่ได้รับการจดทะเบียนมากถึง 25 ศาสนา โดยมีชุมชนทางศาสนามากกว่า 3,400 ชุมชน อาทิ โบสถ์โรมันคาทอลิก 499 แห่ง ชุมชนชาวโปรเตสแตนต์มากกว่า 1,000 ชุมชน ชุมชนชาวยิวมากกว่า 50 ชุมชน และชุมชนมุสลิม 24 ชุมชน (มัสยิด 9 แห่ง) (1 ม.ค.2566)
ภาษา เบลารุสและรัสเซียเป็นภาษาราชการ โดยใช้ภาษารัสเซีย 71.4% ภาษาเบลารุส26% ภาษาอื่น ๆ 0.3% (ภาษาโปลและยูเครน) และไม่เฉพาะเจาะจง 2.3% (ปี 2552)
การศึกษา อัตราการรู้หนังสือ 99.7% (ปี 2565)
วันชาติ 3 ก.ค. (ปี 2487) วันที่ได้รับการปลดปล่อยจากกองทัพเยอรมนี และ 25 ส.ค. (ปี 2534) วันประกาศเอกราชจากสหภาพโซเวียต
นายอเล็กซานเดอร์ กริกอร์เยวิช ลูคาเชนโก
(Aleksandr Grigoryevich Lukashenko)
(ประธานาธิบดีเบลารุส)
ประชากร 9,349,645 คน (เมื่อ ม.ค.2564) ประกอบด้วย เบลารุสเซีย 84.9% รัสเซีย 7.5% โปแลนด์ 3.1% ยูเครน 1.7% อื่น ๆ 2.6% (ปี 2562) อัตราส่วนประชากรจำแนกตามอายุ : วัยเด็ก (0-14 ปี) 16.97% วัยรุ่น (15-24 ปี) 9.62% วัยทำงาน (25-54 ปี) 43.05% วัยเริ่มชรา (55-64 ปี) 14.57% และวัยชรา (65 ปีขึ้นไป) 15.79% อายุขัยเฉลี่ยของประชากร 75.2 ปี เพศชาย 70.2 ปี อายุเฉลี่ยเพศหญิง 79.9 ปี อัตราการเกิด 9.5 คนต่อประชากร 1,000 คน อัตราการตาย 13.1 คนต่อประชากร 1,000 คน อัตราการเพิ่มประชากร -0.29% อายุเฉลี่ยแต่งงานเพศชาย 28.4 ปี เพศหญิง 26.2 ปี
การก่อตั้งประเทศ เบลารุสอยู่ภายใต้การครอบครองของจักรวรรดิรัสเซียตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ 18 ก่อนจะประกาศเอกราชจากจักรวรรดิรัสเซียหลังการปฏิวัติรัสเซียเมื่อปี 2461ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 กองทัพเยอรมนีเข้ายึดครองเบลารุส ทำให้มีชาวเบลารุสเสียชีวิตรวม 2.2 ล้านคน และภายหลังสงครามโลก ครั้งที่ 2 เบลารุส กลับมาเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียต ต่อมาประกาศเอกราชจากสหภาพโซเวียตเมื่อ 25 ส.ค. 2534
การเมือง ปกครองในระบอบประชาธิปไตยแบบสาธารณรัฐ มีประธานาธิบดีเป็นประมุขและหัวหน้าฝ่ายบริหาร ประธานาธิบดีมาจากการเลือกตั้งโดยตรง วาระดำรงตำแหน่ง 5 ปี การเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งล่าสุด เมื่อ 9 ส.ค.2563 ประธานาธิบดีอเล็กซานเดอร์ ลูคาเชนโก ซึ่งปกครองเบลารุสมาตั้งแต่ปี 2537 ได้รับเลือกตั้งเป็นสมัยที่ 6 ด้วยคะแนนเสียง 80.1% ขณะที่นางSvetlana Tikhanovskaya คู่แข่งคนสำคัญ ได้รับเลือกเป็นอันดับ 2 ด้วยคะแนนเสียง 10.12% นาง Anna Kanopatskaya ได้คะแนนเสียง 1.68% นาย Andrei Dmitriyev ได้คะแนนเสียง 1.21% และนาย Sergei Cherechen ได้คะแนนเสียง 1.14% มีผู้ใช้สิทธิเลือกตั้ง 5,818,955 คน หรือ 84.28% ของผู้มีสิทธิทั้งหมด การเลือกตั้งครั้งต่อไปจะมีขึ้นในปี 2568
หลังจากการเลือกตั้งเมื่อ 9 ส.ค.2563 มีชาวเบลารุสจำนวนมากชุมนุมต่อต้านรัฐบาลเนื่องจากไม่พอใจผลการเลือกตั้ง การชุมนุมยืดเยื้อและยังไม่มีท่าทียุติ (พ.ย.2564) โดยมีข้อเรียกร้องให้จัดการเลือกตั้งใหม่ ซึ่งนาง Tikhanovskaya ปฏิเสธไม่ยอมรับผลการเลือกตั้งและลี้ภัยไปยังลิทัวเนีย อีกทั้งเดินทางพบหารือกับประธานาธิบดีและ นรม.ประเทศต่าง ๆ รวมกว่า 31 คน ภายในระยะ 1 ปี เพื่อเรียกร้องให้กดดันทางการเมืองต่อประธานาธิบดีลูกาเชนโก ดำเนินมาตรการควบคุมฝ่ายต่อต้านรัฐบาล รวมถึงสื่อมวลชน นำไปสู่การบังคับเครื่องบินของสายการบิน Ryanair ลงจอด เพื่อจับกุมผู้สื่อข่าวฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล เมื่อปี 2564 ส่งผลให้สหภาพยุโรป (European Union-EU) และสหรัฐฯ ประกาศมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจต่อเบลารุส เมื่อ มิ.ย.2564 เนื่องจากการละเมิดหลักสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง
เบลารุสดำเนินมาตรการตอบโต้ประเทศในยุโรปและสหรัฐฯ อาทิ การขับไล่หรือลด จนท.ทางการทูตกับหลายประเทศที่กดดันเบลารุส อาทิ สหรัฐฯ ลิทัวเนีย ฝรั่งเศส และโปแลนด์ อีกทั้งเบลารุสนิ่งเฉยต่อการควบคุมชายแดนและการลักลอบข้ามแดนผิดกฎหมาย ส่งผลให้มีผู้พยายามลักลอบข้ามแดนจากเบลารุส มุ่งเข้าประเทศยุโรป ผ่านลิทัวเนีย ลัตเวีย และโปแลนด์เพิ่มสูงขึ้น อีกทั้งประเทศที่มีชายแดนติดกับเบลารุส
ต่างเรียกร้องในเวทีระหว่างประเทศให้ดำเนินมาตรการคว่ำบาตรเบลารุส โดยใช้ประเด็นผู้ลี้ภัยเป็นเครื่องมือทางการเมืองหลายครั้ง อีกทั้งประเทศในยุโรปขยายมาตรการคว่ำบาตรเบลารุสจากกรณีผู้อพยพ
อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดีลูกาเชนได้ผลักดันแนวคิดริเริ่มการปฏิรูปรัฐธรรมนูญเบลารุส เพื่อนำพาประเทศกลับสู่ภาวะปกติ และดำเนินนโยบายแข็งกร้าวต่อประเทศในยุโรปที่ดำเนินมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจต่อเบลารุส ซึ่งรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ (ฉบับที่ 5) ของเบลารุสมีผลใช้บังคับเมื่อ 15 มี.ค.2565 โดยแก้ไขเพิ่มเติมจากการลงประชามติระดับชาติเมื่อ 27 ก.พ.2565 การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของรัฐธรรมนูญ ฉบับใหม่นี้คือข้อบทเกี่ยวกับระบบการปกครอง อาทิ สถานะ รูปแบบ และอำนาจของสภาประชาชนเบลารุส (Belarusian People’s Congress) ที่กลายมาเป็นองค์กรตัวแทนสูงสุดของอำนาจประชาชนทั้งนี้ เบลารุสมีรัฐธรรมนูญฉบับแรกเมื่อ 15 มี.ค.2537 และมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญเมื่อ 24 พ.ย.2539/17 ต.ค.2547 (ยกเลิกการจำกัดสมัยการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี) และ 27 ก.พ.2565
ฝ่ายบริหาร : ประธานาธิบดีเป็นผู้แต่งตั้งนายกรัฐมนตรี และรองนายกรัฐมนตรี เพื่อดูแลการบริหารทั่วไป ส่วน นรม.เป็นผู้เสนอชื่อคณะรัฐมนตรี (Council of Ministers) ปัจจุบัน นาย Roman Golovchenko ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีตั้งแต่ 4 มิ.ย.2563
ฝ่ายนิติบัญญัติ : ใช้ระบบสองสภา (Bicameral) ประกอบด้วย 1) สภาสูง (Council of the Republic) มีสมาชิก 64 ที่นั่ง (เลือกตั้งโดยสภาท้องถิ่นและเมืองมินสก์ 56 ที่นั่ง ส่วนอีก 8 ที่นั่งมาจากการแต่งตั้งของประธานาธิบดี) มีวาระการดำรงตำแหน่งคราวละ 4 ปี จัดการเลือกตั้งครั้งล่าสุดเมื่อ 7 พ.ย.2562 และ 2) สภาผู้แทนราษฎร (House of Representatives) มีสมาชิก 110 ที่นั่ง มาจากการเลือกตั้งโดยตรง วาระ 4 ปี การเลือกตั้งเมื่อ18 ก.ย.2561 เป็นการเลือกตั้งสภาท้องถิ่น ผลการเลือกตั้งไม่เปลี่ยนแปลงนัก โดยผู้ได้รับเลือกตั้ง 56% ยังคงเป็นอดีตสมาชิกสภาท้องถิ่น และ 2.5% เป็นผู้แทนพรรคการเมืองที่สนับสนุนพรรครัฐบาล ส่วนผู้สมัครจากพรรคฝ่ายค้านได้รับเลือกตั้ง 2 ที่นั่ง ส่วนการเลือกตั้งครั้งล่าสุดเมื่อ 17 พ.ย.2562 (เลื่อนขึ้นจากกำหนดเดิม 6 ก.ย.2563) ปรากฏว่า พรรคการเมืองที่สนับสนุนประธานาธิบดีลูกาเชนโกได้รับเลือกตั้ง 77% ขณะที่พรรคฝ่ายค้านไม่ได้รับเลือกตั้งแม้แต่ที่นั่งเดียว ซึ่งผู้สังเกตการณ์การเลือกตั้งขององค์การว่าด้วยความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรป (Organization for Security and Cooperation in Europe-OSCE) ระบุว่า เป็นการเลือกตั้งที่ไม่เสรีหรือเป็นกลาง และการนับคะแนนในหน่วยเลือกตั้งหลายแห่งมีปัญหา สำหรับการเลือกตั้งครั้งต่อไปจะมีขึ้นใน 25 ก.พ.2567
ฝ่ายตุลาการ : ศาลฎีกา ศาลรัฐธรรมนูญ และศาลย่อยอื่น ๆ เช่น ศาลแคว้น ศาลเมือง ใช้ระบบกฎหมายแบบประมวลกฎหมาย (Civil Law)
พรรคการเมือง : พรรคที่มีแนวทางนิยมรัฐบาล ได้แก่ Belarusian Agrarian Party (BAP), Belarusian Patriotic Movement หรือ Belarusian Patriotic Party (BPP), Belarus Social Sport Party (BSSP), Communist Party of Belarus (KPB), Liberal Democratic Party (LDP), Republican Party, Republican Party of Labor and Justice และ Social Democratic Party of Popular Accord ส่วนพรรคฝ่ายค้าน ได้แก่ Belarusian Christian Democracy Party, Belarusian Party of the Green, Belarusian Party of the Left “Just World”, Belarusian Social-Democratic Assembly (BSDH), Belarusian Social Democratic Party (BSDPH), Belarusian Social Democratic Party People’s Assembly (BSDP), Belarusian Popular Front (BPF), Christian Conservative Party (BPF) และ United Civic Party (UCP)
เศรษฐกิจ เบลารุสเป็นตลาดที่มีศักยภาพ เนื่องจากเป็นหนึ่งในประเทศสมาชิกสหภาพเศรษฐกิจยูเรเซีย (Eurasian Economic Union-EAEU) และเป็นทางผ่านของเส้นทางสายไหม (One Belt One Road) เบลารุสพึ่งพารัสเซียในด้านเศรษฐกิจค่อนข้างมาก ทั้งด้านเศรษฐกิจ การค้า และพลังงาน ทั้งยังเป็นตลาดส่งออก (35% ของการส่งออกทั้งหมด) และนำเข้า (28.6% ของการนำเข้าทั้งหมด) อันดับ 1 ของเบลารุส เบลารุสมีความชำนาญในอุตสาหกรรมหนัก และเป็นหนึ่งในประเทศชั้นนำของโลกด้านการผลิตเครื่องเจาะขุดเหมืองหิน ส่วนอุตสาหกรรมของประเทศ อาทิ เครื่องจักร ยานยนต์ ใยสังเคราะห์ ปุ๋ยสิ่งทอ ตู้เย็น และเครื่องซักผ้า นอกจากนี้ ยังมีทรัพยากรได้แก่ ป่าไม้ ถ่านหินชนิดร่วน น้ำมันและก๊าซธรรมชาติ แกรนิตหินปูน ดินเหนียว ชอล์ก ทราย กรวด และดิน ขณะที่สินค้าส่งออกที่สำคัญได้แก่ ผลิตภัณฑ์นม ไม้และของทําด้วยไม้ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ ของทําด้วยเหล็กหรือเหล็กกล้า เฟอร์นิเจอร์ พลาสติก เนื้อสัตว์และส่วนอื่นของสัตว์ที่บริโภคได้และยานยนต์ (ไม่รวมประเภทราง) ซึ่งตลาดส่งออกที่สําคัญ รัสเซีย ยูเครน โปแลนด์ ลิทัวเนีย และเยอรมนี สำหรับสินค้านำเข้า ได้แก่ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ เหล็กและเหล็กกล้า พลาสติก ยานยนต์ (ไม่รวมประเภทราง) ของทําด้วยเหล็กหรือเหล็กกล้า ผลิตภัณฑ์ทางเภสัชกรรม อุปกรณ์ทัศนศาสตร์และการแพทย์ กระดาษและกระดาษแข็ง ผลไม้และลูกนัตที่บริโภคได้ ซึ่งแหล่งนําเข้าที่สําคัญ ได้แก่ รัสเซีย จีน เยอรมนียูเครน และโปแลนด์
เบลารุสยังให้ความสำคัญกับภาคเกษตร สินค้าเกษตรที่ส่งออกสำคัญได้แก่ ผลิตภัณฑ์จากนม ผักและผลไม้กระป๋อง ปลาและผลิตภัณฑ์จากปลา น้ำมันพืช เส้นใยธรรมชาติเพื่อใช้ทอผ้า พร้อมแสวงหาพันธมิตรและตลาดใหม่ เช่น ประเทศนอกกลุ่มเครือรัฐเอกราช (Commonwealth of Independent States-CIS) ประเทศในภูมิภาคเอเชีย โดยเฉพาะจีนและเวียดนาม รวมถึงสหรัฐฯ เวเนซุเอลา แอฟริกา และสหภาพยุโรป (EU) เพื่อช่วยพัฒนาเศรษฐกิจ และทดแทนการพึ่งพาจากรัสเซียและประเทศตะวันตก ขณะที่การส่งออกสินค้าเกษตรของเบลารุส รวมถึงอาศัยการส่งออกอุตสาหกรรมพีต (Peat Industry/เป็นถ่านหินในชั้นเริ่มต้นของกระบวนการเกิดถ่านหิน ซากพืชบางส่วนยังสลายตัวไม่หมด) ห้วง ม.ค.-ก.ย.2565 ที่เพิ่มขึ้น 2.3 เท่า เมื่อเทียบกับห้วงเดียวกันของปี 2564 หรือประมาณ 140,000 ตัน โดยมีตลาดในเอเชีย เช่น จีน ทดแทนตลาดในยุโรป มูลค่าการส่งออกพีตแต่ละปีของเบลารุสอยู่ที่ 2 ล้านตัน ทั้งนี้ อุตสาหกรรมพีตมีความสำคัญอย่างยิ่งในการกระจายความสมดุลของเชื้อเพลิงและพลังงานในเบลารุส ความมั่นคงด้านพลังงาน ความยั่งยืนทางเศรษฐกิจ การเติบโตทางเศรษฐกิจ ตลอดจนนโยบายพัฒนาพื้นที่ทำเหมืองพีต
ภายใต้การปกครองของประธานาธิบดีอเล็กซานเดอร์ ลูคาเชนโก มีการปราบปราบและละเมิดสิทธิมนุษยชน สืบเนื่องจากการเลือกตั้งประธานาธิบดีที่มีการทุจริตเมื่อ ส.ค.2563 ส่งผลให้สถานการณ์การค้าและการลงทุนในเบลารุสเสื่อมถอยลง เห็นได้จากการถูกขับออกจากองค์กรพัฒนาระหว่างประเทศต่าง ๆ การตัดการค้ากับคู่ค้ารายใหญ่ และการถูกมาตรการคว่ำบาตรจากชาติตะวันตกหลายครั้ง อาทิ สหรัฐฯ และสหภาพยุโรป ซึ่งล่าสุดสหรัฐฯ ประกาศมาตรการคว่ำบาตรต่อเบลารุสเมื่อ 24 มี.ค.2566 นอกจากนี้ การที่เบลารุสสนับสนุนรัสเซียต่อกรณีการสู้รบในยูเครน ส่งผลให้บริษัทและนักลงทุนต่างชาติถอนการลงทุนจากเบลารุส โดยมูลค่าการค้าระหว่างเบลารุสกับยูเครนและสหภาพยุโรปลดลงอย่างชัดเจน รวมถึง GDP ของเบลารุสลดลง 4.7% ตลอดทั้งปี การลงทุนใหม่ ๆ ส่วนใหญ่ในเบลารุสล้วนมาจากรัสเซีย ซึ่งผลักดันให้มีการผ่านกฎหมายหลายฉบับภายใต้ข้อตกลงรัฐสหภาพ (Union State agreement)ของทั้งสองประเทศ เพื่อให้เศรษฐกิจของเบลารุสมีความสอดคล้องกับเศรษฐกิจของรัสเซียอย่างใกล้ชิดยิ่งขึ้น
สกุลเงิน ตัวย่อสกุลเงิน : เบลารุสรูเบิล (Belarusian ruble-BYR)
อัตราแลกเปลี่ยนต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐ : 3.29 เบลารุสรูเบิล/ดอลลาร์สหรัฐ
อัตราแลกเปลี่ยนต่อ 1 บาท : 0.092 บาท/1 BYR (30 ต.ค.2566)
ดัชนีเศรษฐกิจสำคัญ
ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) : 74,770 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ต.ค.2566)
อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ : -4.7% (ต.ค.2565 จากปี 2564) ปี 2566 คาดการณ์ลดลง -0.4%
รายได้เฉลี่ยต่อหัวต่อปี : 8,323 ดอลลาร์สหรัฐ (ส.ค.2566)
แรงงาน : 4.8 ล้านคน (ปี 2565)
อัตราการว่างงาน : 4.17% ของกลุ่มประชากรวัยแรงงาน (ปี 2565)
อัตราเงินเฟ้อ : 15.2% (ปี 2565)
ทุนสำรองระหว่างประเทศ : 7,991 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ก.ค.2566)
ดุลการค้าระหว่างประเทศ : ขาดดุลประมาณ 16,360 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ปี 2565)
มูลค่าการส่งออก : 23,320 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ปี 2565)
สินค้าส่งออก : ผลิตภัณฑ์นม ไม้และของทําด้วยไม้ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ ของทําด้วยเหล็กหรือเหล็กกล้า เฟอร์นิเจอร์ พลาสติก เนื้อสัตว์และส่วนอื่นของสัตว์ที่บริโภคได้และยานยนต์ (ไม่รวมประเภทราง)
คู่ค้าส่งออกที่สำคัญ : รัสเซีย 49.2% โปแลนด์ 5.6% ยูเครน 4.3% % ลิทัวเนีย 4.2% เยอรมนี 2.8% คาซัคสถาน 2.7% (ปี 2564)
มูลค่าการนำเข้า : 39,680 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ปี 2565)
สินค้านำเข้า : เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ เหล็กและเหล็กกล้า พลาสติก ยานยนต์ (ไม่รวมประเภทราง) ของทําด้วยเหล็กหรือเหล็กกล้า ผลิตภัณฑ์ทางเภสัชกรรม อุปกรณ์ทัศนศาสตร์และการแพทย์ กระดาษและกระดาษแข็ง ผลไม้และลูกนัตที่บริโภคได้
คู่ค้านำเข้าที่สำคัญ : รัสเซีย 50.4% จีน 11.3% เยอรมนี 5.1% ยูเครน 4.3% โปแลนด์ 3.8% ลิทัวเนีย 3.6% สหราชอาณาจักร 2.8% จีน 2.6% (ปี 2563)
ทรัพยากรธรรมชาติ : ป่าไม้ ถ่านหินชนิดร่วน น้ำมันและก๊าซธรรมชาติ แกรนิตหินปูน ดินเหนียว ชอล์ก ทราย กรวด และดิน
การทหารและความมั่นคง
การทหาร :ภารกิจหลักของกองทัพเบลารุสคือการรักษาบูรณภาพแห่งดินแดน เบลารุสไม่มีการเรียกระดมพลใหม่แม้จะมีสงครามตามแนวชายแดน จนกระทั่งต้นปี 2566 ประธานาธิบดีลูกาเชนโกสั่งการให้รับอาสาสมัครกึ่งทหารชุดใหม่สำหรับจัดตั้งกองกำลังป้องกันดินแดนเพื่อเสริมกองทัพบก และเน้นการฝึกป้องกันดินแดนมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ เบลารุสประกาศหลักนิยมทางทหารใหม่ (New Military Doctrine)
มีผลบังคับใช้เมื่อ 20 ก.ค.2559 โดยปรับปรุงจากหลักนิยมทางทหารที่มีการปรับปรุงครั้งแรกเมื่อปี 2555
เดิมมีเนื้อหาเกี่ยวกับการประมาณการสถานการณ์การเมืองและการทหารในโลกและยุโรป การคาดการณ์พัฒนาการใน ระยะกลาง การป้องกันประเทศ ประสบการณ์การพัฒนาทางทหารและความมั่นคงทางทหาร สำหรับหลักนิยมทางทหารใหม่ ระบุว่า เบลารุสต่อต้านการใช้กำลังทางทหาร แต่สนับสนุนการแก้ไขปัญหาโดยสันติวิธี จะปกป้องประเทศโดยใช้เครื่องมือที่มีทุกประเภท รวมถึงกำลังทหาร สงวนสิทธิในการใช้มาตรการการป้องกันการรุกรานและการแก้ไขปัญหาขัดแย้งภายในประเทศที่มีการใช้อาวุธ การใช้กำลังเป็นวิธีสุดท้าย หลังจากที่มีการใช้มาตรการทางการเมือง การทูต กฎหมาย เศรษฐกิจ ข้อมูลข่าวสาร อุดมการณ์ และมาตรการอื่น ๆ สำหรับภัยคุกคามต่อเบลารุส ได้แก่ การเคลื่อนไหวทางทหารโดยเฉพาะการขยายกำลังทางทหาร และการติดตั้งระบบขีปนาวุธของเนโตในยุโรปตะวันออก และการติดตั้งระบบป้องกันขีปนาวุธของสหรัฐฯ ในโรมาเนียและโปแลนด์ซึ่งเป็นภัยคุกคามทางทหารของเบลารุสโดยตรง การกระตุ้นการเปลี่ยนแปลงไปสู่ Color Revolution การใช้กองกำลังเอกชนและ Hybrid Warfare
เบลารุสมีรัสเซียเป็นพันธมิตรหลักทางการทหาร โดยมีการซ้อมรบร่วมกันอย่างต่อเนื่อง แม้รัสเซียจะมีภารกิจปฏิบัติการทางทหารในยูเครน อาทิ การฝึกป้องกันภัยทางอากาศ และพื้นที่ฝึกทหารหลายแห่งในเบลารุสถูกใช้ฝึกกองกำลังรัสเซียที่เรียกระดมพลใหม่ในห้วงการสู้รบกับยูเครน นอกจากนี้ การฝึกร่วมทางทหารอย่างสม่ำเสมอที่สำคัญคือ 1) การแข่งขันทางทหาร International Army Games ที่รัสเซียเป็นเจ้าภาพจัดเป็นประจำทุกปี ตั้งแต่ปี 2558 สำหรับ Army Games ประจำปี 2565 มีทีมทหารเข้าร่วมกว่า 264 ทีม จาก 34 ประเทศทั่วโลก โดยผลการแข่งขันในภาพรวม รัสเซียอยู่อันดับที่ 1 อุซเบกิสถานอยู่อันดับที่ 2 ส่วนเบลารุสและคาซัคสถานอยู่อันดับที่ 3 2) การฝึกซ้อมทางทหาร Vostok ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาทักษะของผู้บัญชาการในการจัดกำลังพล รักษาสันติภาพ และปกป้องผลประโยชน์ของชาติ โดยการซ้อมแบ่งเป็น 4 ขั้น ได้แก่ การส่งกำลังทหาร การวางแผน การดำเนินการร่วมกัน และการร่นถอย และ 3) การฝึกซ้อมทางทหาร Zapad เป็นการฝึกซ้อมร่วมเชิงยุทธศาสตร์ของรัสเซีย-เบลารุส ที่จัดขึ้นตามแนวชายแดนตะวันตกของรัสเซียในด้านที่ติดกับเบลารุส และเป็นกิจกรรมทางทหารขนาดใหญ่ตามวงรอบประจำปีของรัสเซีย
เบลารุสและจีนยังมีความร่วมมือด้านการทหารระหว่างกันมากขึ้น เช่น การฝึกร่วมต่อต้านการก่อการร้ายระหว่าง Armed Police Force (APF) ของจีน กับ Internal Troops ในสังกัดกระทรวงมหาดไทยของเบลารุสเป็นครั้งแรกในชื่อว่า United Shield-2017 เมื่อ ก.ค.2560 และเมื่อปี 2561 เบลารุสเชิญกองทัพจีนเข้าร่วมเดินพาเหรดเนื่องในวันประกาศเอกราช (Independence Day) ระหว่าง 24-25 มิ.ย.2561
กำลังพลรวม ประธานาธิบดีเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดและประธานสภาความมั่นคงเบลารุส กองทัพเบลารุส มีกำลังพล 4,7950 นาย (ปี 2566) เป็น ทบ. 11,700 นาย ทอ. 11,300 นาย กองกำลังปฏิบัติการพิเศษ 6,150 นาย และ กำลังกึ่งทหาร 110,000 นาย (แบ่งเป็นหน่วยรักษาการณ์ชายแดน 12,000 นาย ทหารกองหนุน 87,000 นาย และกำลังประจำ มท. 11,000 นาย งบประมาณด้านการทหารปี 2565 จำนวน 821 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ยุทโธปกรณ์สำคัญ : อาวุธยุทโธปกรณ์ส่วนใหญ่ตกทอดมาตั้งแต่สมัยสหภาพโซเวียตและได้รับยุทโธปกรณ์สมัยใหม่บางส่วนจากรัสเซีย
ทบ. อาทิ ถ.หลัก 497 คัน (รุ่น T-72B จำนวน 477 คัน และ T-72B3 modจำนวน 20 คัน) ยานรบทหารราบหุ้มเกราะ 132 คัน (รุ่น BRM-1) รถสายพานลำเลียงพลหุ้มเกราะ 937 คัน (รุ่น BMP-2) รถเอนกประสงค์ 58 คัน (รุ่น MT-LB) อากาศยานไร้คนขับ 8 เครื่อง (รุ่น CS/VN3B mod; Tigr) ปืนใหญ่ 583 กระบอก อาวุธต่อสู้ ถ. อาวุธปล่อยพื้นสู่อากาศ 350 ระบบ เช่น Buk (SA-11 Gadfly), S-300V (SA-12A Gladiator/SA-12B Gant), Strela-10 1(SA-13 Gopher), Osa (SA-8 Gecko) และ Tor-M2E (SA-15 Gauntlet)
ทอ. อาทิ บ.รบ รวม 71 เครื่อง (บ.ขับไล่แบบ MiG-29 Fulcrum, MiG-29S Fulcrum C MiG-29UB Fulcrum B และ บ.โจมตีแบบ Su-30SM Flanker H และ Su-25K/UBK Frogfoot A/B) บ.ขนส่ง 8 เครื่อง (แบบ Il-76 Candid, An-24 Coke, An-26 Curl และ Tu-134 Crusty) บ.ฝึกแบบ L-39 Albatros และ Yak-130 Mitten ไม่ต่ำกว่า 12 เครื่อง ส่วน ฮ.โจมตีแบบ Mi-24 Hind มี 12 เครื่อง ฮ.ลาดตระเวน/สอดแนม 26 เครื่อง (แบบ Mi-26 Halo, Mi-8 Hip และ Mi-8MTV-5 Hip) อาวุธปล่อยอากาศสู่พื้น อาวุธต่อต้านเรดาร์ อาวุธปล่อยอากาศสู่อากาศ นำวิถีด้วยอินฟราเรดและนำวิถีแบบ semi-active radar homing อาวุธปล่อยพื้นสู่อากาศแบบ S-300PS (SA-10 Grumble) S-125 Pechora (SA-3 Goa) และ S-200 (SA-5 Gammon) 9K37 Buk (SA-11 Gadfly) 9K331ME Tor-M2E (SA-15 Gauntlet) 9K33 Osa (SA-8 Gecko); 9K35 Strela-10 (SA-13 Gopher)
กองกำลังปฏิบัติการพิเศษ 6,150 นาย โดยประจำการรถสายพานลำเลียงพลหุ้มเกราะ 217 คัน (รุ่น BTR-70M1 และ BTR-80) ปืนใหญ่ 114 ระบบ (รุ่น D-30 และ 2B23 NONA-M1) ระบบต่อต้านรถถัง 9K111 Fagot (AT-4 Spigot); 9K111-1 Konkurs (AT-5 Spandrel); 9K115 Metis (AT-7 Saxhorn) และมี จนท.กห. 18,800 คน
ปัญหาด้านความมั่นคง
1) ความสัมพันธ์ระหว่างเบลารุสกับประเทศตะวันตกไม่ราบรื่น อีกทั้งเบลารุสเผชิญมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจจากประเทศในยุโรป ซึ่งวิพากษ์วิจารณ์สถานการณ์การเมืองภายในเบลารุส และการที่รัสเซียใช้เบลารุสเป็นรัฐกันชนด้านทิศตะวันตกเพื่อรับมือกับการขยายกำลังทางทหารของเนโตมาประชิดพรมแดนรัสเซีย และแผนการติดตั้งระบบป้องกันภัยทางอากาศในโปแลนด์ของสหรัฐฯ
2) เบลารุสกับรัสเซียมีความสัมพันธ์และความร่วมมือด้านการทหารและความมั่นคงใกล้ชิดกัน ทั้งในระดับทวิภาคีและระดับภูมิภาค ผ่านองค์กรสนธิสัญญาความมั่นคงร่วมกัน (Collective Security Treaty Organization-CSTO) เฉพาะอย่างยิ่งการบูรณาการเป็นสหภาพ(Union State) รัสเซีย-เบลารุส และพันธมิตรใกล้ชิดยิ่งขึ้นกับรัสเซียหลังจากรัสเซียปฏิบัติการพิเศษทางทหารในยูเครนตั้งแต่ 24 ก.พ.2565 รวมถึง
การติดตั้งระบบขีปนาวุธเชิงยุทธวิธี (Tactical Nuclear Weapons) ของรัสเซียในเบลารุส โดยรัสเซียได้ส่งมอบระบบขีปนาวุธ Iskander ที่ติดหัวรบนิวเคลียร์ให้เบลารุสแล้วเมื่อ มี.ค.2566 ตลอดจนก่อสร้างสิ่งอำนวย
ความสะดวกต่าง ๆ รวมทั้งโรงเก็บอาวุธนิวเคลียร์ทางเทคนิค (มีกำหนดสร้างเสร็จ 1 ก.ค.2566) และ
การฝึกอบรมการใช้ระบบขีปนาวุธดังกล่าวให้กับ จนท.เบลารุส (ตามกำหนดภายใน 3เม.ย.2566) ทั้งนี้ การส่งอาวุธนิวเคลียร์ไปเบลารุสถือว่าเป็นการส่งอาวุธนิวเคลียร์ไปนอกพรมแดนรัสเซียเป็นครั้งแรกตั้งแต่อดีต
สหภาพโซเวียตล่มสลาย
3) ปัญหาพิพาทชายแดนกับลัตเวีย ลิทัวเนีย และโปแลนด์ ซึ่งทั้งสามประเทศมีแนวคิดสนับสนุนยุโรป เป็นปฏิปักษ์กับทั้งเบลารุสและรัสเซีย ทำให้สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างเบลารุสกับทั้งสามประเทศ พร้อมเผชิญความตึงเครียด และการยั่วยุ โดยเป็นการเผชิญหน้าระหว่างกลุ่มนิยมประชาธิปไตยแบบตะวันตกกับกลุ่มแนวคิดอำนาจนิยมและยังยึดระบอบเผด็จการหรือคอมมิวนิสต์
4) ปัญหาผู้อพยพ การค้ามนุษย์ และยาเสพติด โดยเบลารุสเผชิญกับผู้อพยพชาวยูเครนมากกว่า 61,000 คน (ข้อมูล ณ 28 ต.ค.2565) ที่เดินทางเข้าประเทศ จากวิกฤตสงครามยูเครนตั้งแต่ 24 ก.พ.2565 ขณะเดียวกัน เบลารุสยังถูกจัดอยู่ในบัญชีรายชื่อประเทศที่ไม่ดำเนินการเพื่อแก้ปัญหาการค้ามนุษย์ หรือ Tier 3 (ระดับต่ำสุด) ภายหลัง กต.สหรัฐฯ เผยแพร่รายงานค้ามนุษย์ (TIP Report) ประจำปี 2565 เมื่อ 19 ก.ค.2565 รวมถึงเบลารุสเป็นแหล่งปลูกฝิ่นและกัญชา เป็นช่องทางลำเลียงยาเสพติดเข้าสู่กลุ่มประเทศบอลติกและยุโรป อีกทั้งกฎหมายต่อต้านการฟอกเงินในเบลารุสยังไม่เป็นไปตามมาตรฐานและไม่เข้มงวด
สมาชิกองค์การระหว่างประเทศ เข้าร่วมในองค์การระหว่างประเทศ BSEC (ผู้สังเกตการณ์), CBSS (ผู้สังเกตการณ์), CEI, CIS, CSTO, EAEC, EAPC, EBRD, FAO, GCTU, IAEA, IBRD, ICAO, ICC (NGOs), ICRM, IDA, IFC, IFRCS, ILO, IMF, IMSO, Interpol, IOC, IOM, IPU, ISO, ITU, ITUC (NGOs), MIGA, NAM, NSG, OPCW, OSCE, PCA, PFP, SCO (ประเทศคู่เจรจา), UN, UNCTAD, UNESCO, UNIDO,UNIFIL, UNWTO, UPU, WCO, WFTU (NGOs), WHO, WIPO, WMO, WTO (ผู้สังเกตการณ์) และ ZC นอกจากนี้ ยังร่วมกับรัสเซียและคาซัคสถานจัดตั้งสหภาพศุลกากรยูเรเซีย (Eurasian Customs Union-EACU) เมื่อ 1 ม.ค.2553 และมีสมาชิกเพิ่มอีก 2 ประเทศคือ อาร์เมเนีย และคีร์กีซสถาน เมื่อ 2 ม.ค.2558 และเป็นสมาชิกสหภาพเศรษฐกิจยูเรเซีย (Eurasian Economic Union-EAEU) ประกอบด้วย สมาชิก 5 ประเทศ คือ อาร์เมเนีย เบลารุส คาซัคสถาน คีร์กีซสถาน และรัสเซีย โดยพัฒนามาจากสหภาพศุลกากร
การขนส่งและโทรคมนาคม มีท่าอากาศยาน 65 แห่ง (ปี 2564) เส้นทางรถไฟระยะทาง5,528 กม. (ปี 2557) ถนนระยะทาง 86,600 กม. (ปี 2560) ท่อส่งก๊าซยาว 5,386 กม. ท่อส่งน้ำมันยาว 1,589 กม. และท่อส่งน้ำมันสำเร็จรูปยาว 1,730 กม. (ปี 2556) ด้านโทรคมนาคม มีโทรศัพท์พื้นฐานให้บริการ 4,406,560 เลขหมาย (ปี 2563) โทรศัพท์เคลื่อนที่ 11,704,084 เลขหมาย (ปี 2563) จำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ต 8,027,601 คน(ก.ค.2565) รหัสอินเทอร์เน็ต .by
การเดินทาง ยังไม่มีเที่ยวบินตรงระหว่างไทยกับเบลารุส เวลาในเบลารุสช้ากว่าไทย 4 ชม. ในฤดูร้อน และช้ากว่าไทย 5 ชม. ในฤดูหนาว สำหรับห้วง ม.ค.-ก.ย. 2565 มีชาวเบลารุสเดินทางเข้าไทยจำนวน 5,632 คน ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 2564 จำนวน 340 คน
สถานการณ์สำคัญที่น่าติดตาม
1) การเมืองในเบลารุส ด้านสิทธิมนุษยชน และความตึงเครียดในเวทีระหว่างประเทศ เฉพาะอย่างยิ่งประเทศในยุโรปต่อกรณีการอพยพ ลี้ภัย ย้ายถิ่นฐาน จากบริเวณชายแดนเบลารุสผ่านลิทัวเนีย ลัตเวีย และโปแลนด์ มุ่งสู่ประเทศในยุโรป
2) บทบาทเบลารุสต่อประเทศในเอเชีย เฉพาะอย่างยิ่งกับจีน เมียนมา และเวียดนาม
3) ความร่วมมือทวิภาคีภายใต้การบูรณาการเป็นสหภาพ (Union State) ระหว่างรัสเซียกับเบลารุส
4) บทบาทเบลารุสต่อปฏิบัติการพิเศษทางทหารของรัสเซียในยูเครน และการมีส่วนร่วมของเบลารุสในเวทีความร่วมมือพหุภาคีที่เบลารุสเป็นสมาชิก ทั้งด้านความมั่นคง การเมือง และเศรษฐกิจ เฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มประเทศอดีตสหภาพโซเวียต และกลุ่มประเทศเครือรัฐเอกราช (CIS)
5) การติดตั้งระบบขีปนาวุธเชิงยุทธวิธี (Tactical Nuclear Weapons) ของรัสเซียในเบลารุส ซึ่งสร้างความหวาดระแวงให้แก่ประเทศที่มีพรมแดนติดกับเบลารุส เฉพาะอย่างยิ่งโปแลนด์ ตลอดจนประเทศในยุโรป
ความสัมพันธ์ไทย–เบลารุส
ด้านการทูต ไทยให้การรับรองเอกราชของเบลารุสเมื่อ 26 ธ.ค.2534 และสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตเมื่อ 21 ก.ค.2535 โดย สอท.ไทยประจำมอสโก มีเขตอาณาครอบคลุมเบลารุส และสถานกงสุลกิตติมศักดิ์ ณ มินสก์ ขณะที่สถานกงสุลกิตติมศักดิ์เบลารุสประจำประเทศไทย อยู่ในเขตอาณาของ สอท.เบลารุสประจำเวียดนาม
ไทยและเบลารุสได้เห็นชอบร่วมกันให้มีการจัดตั้งกลุ่มมิตรภาพระหว่างกันเพื่อจะได้เป็นกลไกที่มีประสิทธิภาพในการอำนวยความสัมพันธ์ระหว่างกันในอนาคต ต่อมาจึงมีการจัดตั้งกลุ่มมิตรภาพสมาชิกรัฐสภาไทย-เบลารุส เมื่อ 21 พ.ค.2558 ตั้งแต่ต้นปี 2560 ไทยและเบลารุสจึงมีการติดต่อระหว่างกันมากขึ้นเป็นลำดับ โดยการเยือนที่สำคัญ ได้แก่ นายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และคณะผู้แทนกลุ่มมิตรภาพสมาชิกรัฐสภาไทย-เบลารุส เยือนเบลารุสระหว่าง 29 พ.ค.-4 มิ.ย.2560 เพื่อเยี่ยมคารวะนาย Vladimir Andrechenko ประธานสภาผู้แทนราษฎรเบลารุส และนาย Vladimir I. Semashko รอง นรม.เบลารุส รวมถึงประชุมทวิภาคีกับ นาย Pavel Utiupin รมช.กระทรวงเศรษฐกิจเบลารุส นอกจากนี้ ภาครัฐและเอกชนของเบลารุสได้แสดงความสนใจที่จะร่วมมือกับไทยในหลายประเด็น เช่น การจับคู่ทางธุรกิจในสาขาเกี่ยวกับเครื่องสําอาง สินค้าและอุปกรณ์ทางอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องมือแพทย์ และการหาเวทีให้ทั้งสองฝ่ายได้หารือร่วมกัน หรือการจัด Business Forum
การค้าไทย-เบลารุส ในห้วง 5 ปีที่ผ่านมา (ปี 2560-2565) มีมูลค่าเฉลี่ยปีละ 88.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยในปี 2565 เบลารุสเป็นคู่ค้าอันดับที่ 113 ของไทยในโลก และเป็นอันดับที่ 3 ของไทยใน EAEU ซึ่งการค้ารวมมีมูลค่า 82.98 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับในปี 2566 (ม.ค.-มิ.ย.) การค้ารวม มีมูลค่า 21.08 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยไทยส่งออก 10.75 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากปี 2565 (ม.ค.-มิ.ย.) สินค้าส่งออกที่สําคัญปี 2566 (ม.ค.-มิ.ย.) ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้า เม็ดพลาสติก ผ้าปักและผ้าลูกไม้ ก๊อกวาวล์และส่วนประกอบ ผลไม้กระป๋องและแปรรูป ผ้าผืน เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เหล็กเหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป และเครื่องมือแพทย์และอุปกรณ์ ขณะที่การนําเข้ามีมูลค่า 10.33 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงจากปี 2565 (ม.ค.-มิ.ย.) สินค้านําเข้าที่สําคัญ ได้แก่ ปุ๋ยและยากําจัดศัตรูพืชและสัตว์ เคมีภัณฑ์ นมและผลิตภัณฑ์นม ยุทธปัจจัย เครื่องมือเครื่องใช้เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ การแพทย์ ผ้าผืน เครื่องเพชรพลอย อัญมณี เงินแท่งและทองคํา วัสดุและอุปกรณ์สํานักงาน และเครื่องใช้เบ็ดเตล็ด
ด้านการลงทุน ไทยและเบลารุสเห็นพ้องส่งเสริมการค้าการลงทุน โดยเบลารุสเล็งเห็นโอกาสในการใช้ไทยเป็นฐานการผลิตและส่งออกไปตลาดอาเซียนและคู่ FTA ของไทยและอาเซียน โดยห้วงปี 2540-2562 มีโครงการลงทุนที่เบลารุสได้รับอนุมัติจาก BOI ทั้งสิ้น 2 โครงการ มูลค่า 10 ล้านบาท ได้แก่ 1) บริษัท ทริเซอรี จํากัด ด้านพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (เบลารุสทั้งหมด) และ 2) บริษัท KHAIROOP COMPANY LIMITED ด้านอิเล็กทรอนิกส์ (ร่วมลงทุนระหว่างรัสเซียและเบลารุส) และมีการร่วมทุนระหว่างบริษัทอาเซียนโปแทซชัยภูมิ จํากัด (มหาชน) กับบริษัท JSC Belaruskali (รัฐวิสาหกิจ) ในอุตสาหกรรมเหมืองแร่และปุ๋ยโพแทซ
ความตกลงที่สำคัญระหว่างไทยกับเบลารุส ได้แก่ พิธีสารว่าด้วยความร่วมมือระหว่างกระทรวงการต่างประเทศไทยกับกระทรวงการต่างประเทศเบลารุส (16 พ.ค.2543) ความตกลงว่าด้วยความร่วมมือระหว่างสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยกับสภาหอการค้าและอุตสาหกรรมเบลารุส (16 พ.ค.2543) อนุสัญญาเพื่อการยกเว้นการเก็บภาษีซ้อน (15 ธ.ค.2548) และความตกลงระหว่างไทยกับเบลารุสว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางทูตและราชการ (12 มี.ค.2558) รัฐบาลไทยได้แสดงความสนใจในการทําความตกลงการค้าเสรีระหว่างไทยและสมาชิกสหภาพเศรษฐกิจยูเรเชีย (Eurasian Economic Union-EAEU) เมื่อปี 2559 ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการพิจารณาของประเทศสมาชิก บันทึกความเข้าใจระหว่างอาเซียนกับคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจยูเรเซียว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจ (14 พ.ย.2561) บันทึกความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจยูเรเซีย (19 พ.ย.2561 โดยที่ผ่านมามีการจัดการประชุมคณะทํางานร่วมระหว่างไทยกับคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจยูเรเซียครั้งที่ 1 เมื่อ 4 มิ.ย.2562