เมื่อปลายเดือนมีนาคมปี 2566 ที่ผ่านมา ผู้ผลิตเสื้อผ้าระดับโลกหลายรายประกาศจะยุติการจ้างผลิตสินค้าในเมียนมาโดยอ้างว่าเกิดจากปัญหาด้านสิทธิมนุษยชน ……สะท้อน..ความวิตกกังวลประเด็นด้านแรงงาน รวมถึงความยากลำบากในการปฏิบัติงานจากการรัฐประหารของกองทัพเมียนมาตั้งแต่กุมภาพันธ์ 2564 ซึ่งส่งผลให้บริษัทต่างชาติทยอยถอนธุรกิจออกจากเมียนมา
…….โดย Fast Retailing Co., Ltd. เจ้าของแบรนด์ UNIQLO ของญี่ปุ่นระบุว่าจะเริ่มยุติการจ้างผลิตเสื้อผ้าในเมียนมาในช่วงฤดูใบไม้ร่วงปี 2566 (ราวเดือนกันยายน-พฤศจิกายน 2566) ซึ่งสำนักข่าว Nikkei Asia ประเมินว่าการถอนธุรกิจออกจากเมียนมาของ Fast Retailing Co., Ltd. ในเมียนมาครั้งนี้ แทบจะไม่ส่งผลกระทบต่อบริษัทฯ เนื่องจากบริษัทฯ มีพันธมิตรด้านการผลิตกว่า 430 แห่งทั่วโลก เช่น ในจีนและเวียดนาม
สำหรับ Marks and Spencer Group plc (M&S) จากสหราชอาณาจักรประกาศจะยุติการจ้างผลิตในเมียนมาในมีนาคม 2566 เช่นเดียวกับบริษัท เรียวฮิน เคอิคะคุ จำกัด เจ้าของแบรนด์ MUJI จากญี่ปุ่น ที่มีแผนจะยุติการจ้างผลิตเสื้อแจ็กเก็ตและสินค้าชนิดอื่น ๆ ในเมียนมาภายในสิงหาคม 2566
สถานการณ์ดังกล่าวมีแนวโน้มส่งผลกระทบต่อการส่งออกวัตถุดิบ เช่น ผ้าผืน ด้าย และเส้นใยประดิษฐ์ของไทย (เมียนมานำเข้าจากไทยเพื่อใช้เป็นวัตถุดิบเพื่อผลิตเครื่องนุ่งห่ม) เนื่องจากเมื่อปี 2565 เมียนมาเป็นตลาดส่งออกผ้าผืน และด้าย อันดับ 5 ของไทย ด้วยมูลค่าส่งออกราว 150 ล้านดออลาร์สหรัฐ คิดเป็นสัดส่วนราว 7.5% ของมูลค่าส่งออกผ้าผืนและด้ายทั้งหมดสู่ตลาดโลก และสถานการณ์ยังดูไม่น่าจะคลี่คลายในเร็ววัน อาจยืดเยื้อเป็นเวลาหลายปี ซึ่งผลกระทบดังกล่าวจะซ้ำเติมสถานการณ์ส่งออกผ้าผืน ด้ายของไทยที่หดตัวจากภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัวตั้งแต่ช่วงปลายปี 2565 จนถึงต้นปี 2566
ล่าสุดสถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอเปิดเผยว่ามูลค่าการส่งออกสิ่งทอของไทยเดือนมกราคม 2566 ลดลง 12.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2565 โดยตลาดส่งออกผ้าผืน และด้ายอันดับ 1 ของไทย ได้แก่ เวียดนาม (มีส่วนแบ่งตลาดสูงถึง 16.6% ของการส่งออกผ้าผืนและด้ายของไทยสู่ตลาดโลก) ส่งออกเครื่องนุ่งห่มเมื่อมกราคม 2566 ลดลง 37.6% เทียบกับเดือนเดียวกันในปี 2565 จากภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว โดยเฉพาะเศรษฐกิจของประเทศตลาดนำเข้าเครื่องนุ่งห่มสำคัญของเวียดนาม ได้แก่ สหรัฐฯ ที่มีส่วนแบ่งตลาดสูงถึง 44% ของตลาดส่งออกเครื่องนุ่งห่มทั้งหมดของเวียดนาม ทำให้เวียดนามมีแนวโน้มจะนำเข้าผ้าผืน ด้าย และใยประดิษฐ์จากไทยเพื่อนำไปใช้เป็นวัตถุดิบเพื่อผลิตเสื้อผ้าเพื่อส่งออกลดลง นอกจากนี้ ต้นทุนการผลิตทั้งด้านพลังงาน วัตถุดิบ และค่าจ้างแรงงานที่ปรับขึ้นในไทย ยังส่งผลกระทบต่อการผลิตสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มของไทยในปี 2566 ด้วยเช่นกัน
เมื่อสถานการณ์ด้านการส่งออกผ้าผืน ด้าย และเส้นใยประดิษฐ์ของไทยดูจะไม่สู้ดีนัก คำถามคือ แล้วผู้ประกอบการไทยในอุตสาหกรรมนี้จะอยู่อย่างไรในภาวะทางการเมืองระหว่างประเทศ รวมถึงภาวะเศรษฐกิจที่ควบคุมได้ยากเช่นนี้ คำตอบน่าจะต้องเป็นวิธีที่จะทำอย่างไรให้สินค้าไทยแตกต่าง และเป็นที่ต้องการของตลาดโลก เพื่อให้สามารถกระจายการส่งออกไปยังตลาดอื่นๆ มากขึ้น เพื่อลดความเสี่ยงจากบางตลาด เช่น ในเมียนมา
…….ซึ่งหนึ่งในวิธีที่ว่าน่าจะเป็นการปรับปรุงสินค้าให้สอดรับกับ Megatrend ของโลก ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่ากระแสความยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเป็นกระแสที่มาแรงและได้รับความนิยมจากคนรุ่นใหม่ทั่วโลก โดยเฉพาะในประเทศพัฒนาแล้ว เช่น สหภาพยุโรป (European Union-EU) ที่ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก
ทุกภาคส่วนของไทยจึงควรร่วมมือกันสร้างการเปลี่ยนแปลงให้อุตสาหกรรมผ้าผืน ด้าย เส้นใยประดิษฐ์ของไทยให้สอดรับกับกระแสการเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งก็จะสอดคล้องกับเศรษฐกิจ BCG(Bio Circular Green) ที่ไทยมุ่งผลักดัน ยกตัวอย่างเช่น การมุ่งสู่การพัฒนาอุตสาหกรรมผ้าผืน ด้าย และเส้นใยประดิษฐ์รีไซเคิล รวมถึงที่ย่อยสลายได้ เป็นต้น เนื่องจากตลาดโลกจะมีความต้องการอย่างมากในอนาคต โดย Expert Market Research คาดว่าสิ่งทอรีไซเคิลของโลกมีแนวโน้มเติบโตเฉลี่ยปีละ 3.1% ระหว่างปี 2566-2571
นอกจากนี้ ทุกภาคส่วนของไทยยังควรยกระดับมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมของไทยให้ผ่านเกณฑ์มาตรฐานทางการค้าต่างประเทศที่คำนึงถึงด้านสิ่งแวดล้อมใหม่ๆ ที่ประเทศพัฒนาแล้วหลายประเทศทยอยออกมา เช่น EU Strategy for Sustainable and Circular Textiles ทั้งนี้ หากผู้ประกอบการไทยปรับตัวรับกระแสดังกล่าวได้มากขึ้นเป็นวงกว้าง ก็จะช่วยให้ไทยขยายตลาดไปสู่ตลาดใหม่ๆ ได้มากขึ้น สร้างรายได้ให้กับอุตสาหกรรมการส่งออกไทย ซึ่งยังคงเป็นฟันเฟืองสำคัญอันดับหนึ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย
—————————————-
ที่มา : – https://www.eureau.org/news/656-eu-strategy-for-sustainable-and-circular-textiles
- https://www.infoquest.co.th/2023/288699
- https://www.expertmarketresearch.com/reports/textile-recycling-market#:~:text=What%20is%20the%20growth%20rate,3.10%25%20between%202023%20and%202028.
- http://www2.ops3.moc.go.th/
- https://www.thaitextile.org/th/insign/detail.3440.1.0.html