เมื่อความคาดหวังของไทยและหลายประเทศจากจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่ไม่เป็นดังหวัง เมื่อดูจากรายได้ของการท่องเที่ยวไทยในปีนี้ ซึ่งทำได้ไม่ถึงเป้า เมื่อนักท่องเที่ยวชาวจีนเริ่มตั้งคำถามถึงความปลอดภัยในการท่องเที่ยวในประเทศไทย อันเนื่องมาจากหลายสาเหตุ รวมทั้งเหตุกราดยิงเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2566 ณ ศูนย์การค้าสยามพารากอน และกระแสภาพยนตร์เรื่อง No More Bets ทำให้เกิดความกลัวในการท่องเที่ยวไทย แต่นั่นเป็นเพียงสาเหตุเพียงเล็กน้อย เมื่อเทียบกับสาเหตุสำคัญที่มาจากปัจจัยของจีนเอง ก็คือ เศรษฐกิจของประเทศจีนที่อยู่ในช่วงขาลง ไม่ได้เติบโตอย่างร้อนแรงเหมือนในช่วงก่อนหน้านี้ ทำให้คนไม่สามารถใช้จ่ายอย่างสุรุ่ยสุร่าย เดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศได้เหมือนสมัยก่อน
ปัญหาสำคัญของเศรษฐกิจจีน คือ การล่มสลายของอสังหาริมทรัพย์ การจัดระเบียบทางการศึกษา และการกีดกันทางการค้าของสหรัฐอเมริกา ทำให้เศรษฐกิจของจีนคาดว่าจะเติบโตเพียง 4.4% ในปี 2566 นี้ (น้อยกว่าปี 2565 ที่อยู่ 6.3%) แม้จะดูเป็นข่าวร้ายสำหรับการท่องเที่ยวและการค้าขายระหว่างประเทศของไทย แต่ยังมีโอกาสทางด้านอื่นๆ ที่ทำให้ไทยสามารถช่วงชิงความน่าสนใจที่จะดึงดูดการลงทุนจากจีน เพื่อชดเชยรายได้ที่สูญเสียไปในช่วงที่เศรษฐกิจจีนชะลอตัวลง
โอกาสที่เป็นไปได้ อาจมาจากความขัดแย้งทางการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐอเมริกา เพราะช่วงนี้ สินค้าที่มีการตีตราประทับว่าผลิตจากจีน (made in China) จะถูกกีดกันการส่งออกไปสหรัฐอเมริกา ด้วยการตั้งกำแพงภาษี ทำให้หลายบริษัทผู้ผลิตของจีนเริ่มมองหาแหล่งอุตสาหกรรมใหม่เพื่อย้ายฐานการผลิตและตีตราประทับใหม่ในประเทศนั้นๆ เพื่อให้การส่งออกไปสู่ตลาดที่กว้างขึ้นและปราศจากการกีดกันทางการค้า แม้ค่าแรงงานของไทยจะสูงกว่าประเทศเพื่อนบ้าน
ทั้งนี้ ความพร้อมทางด้านโครงสร้างพื้นฐานที่พร้อมรับการสร้างฐานการผลิต ความเชี่ยวชาญของแรงงาน และมาตรฐานการส่งออกที่ดี ทำให้ผู้ประกอบการชาวจีนเลือกย้ายฐานการผลิตมาที่ประเทศไทย ไม่เพียงแต่สินค้าเครื่องใช้สอยเพียงเท่านั้น แม้แต่สินค้าเกษตรประเทศไทยก็ขึ้นชื่อเรื่องความอุดมสมบูรณ์และสภาพอากาศที่ดี การสร้างแหล่งเพาะปลูกพืชมูลค่าสูง (High Value crop) ก็เริ่มถูกนำมาเพาะปลูกที่ไทย ทำให้เกษตรกรได้พัฒนาเทคนิควิธีการเพาะปลูกที่สามารถสร้างรายได้จากการปลูกพืชผักผลไม้หลากหลายชนิดตามที่ตลาดโลกต้องการได้
การจัดระเบียบทางสังคมของจีนในหลายๆ ด้านทำให้ชาวจีนบางส่วนมีความเห็นว่า ประเทศจีนน่าอยู่น้อยลง เศรษฐีชาวจีนหลายคนมองหาที่อยู่อาศัยใหม่ ที่มีอิสระในการใช้ชีวิตได้มากกว่า สอดคล้องกับตลาดอสังหาริมทรัพย์ หรือคอนโดมิเนียมของไทยที่เข้าสู่ช่วงอัตราการเฟ้อ เมื่อหลายโครงการก่อสร้างแล้วเสร็จแล้วไร้ผู้ซื้อ จึงเป็นความประจวบเหมาะที่จะขายห้องชุดให้กับชาวจีน โดยกลุ่มชาวจีนมีพฤติกรรมการซื้อเหมาทั้งชั้นหรือทั้งตึก เพื่อสร้างชุมชนชาวจีนขนาดใหญ่ แต่ทั้งนี้ การปล่อยขายคอนโดให้แก่กลุ่มชาวจีนเป็นหลักส่งผลกระทบต่อการเข้าครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของคนไทยด้วยเช่นกัน เพราะความต้องการของชาวจีนที่มีกำลังซื้อสูง ทำให้ราคาขายอสังหาริมทรัพย์ดีดตัวสูงขึ้น
สุดท้ายกับประเด็นทางด้านการศึกษา จากจำนวนประชากรชาวจีนที่มีจำนวนมากทำให้เกิดการแข่งขันที่สูง โดยเฉพาะการเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยชื่อดังอย่างเช่นมหาวิทยาลัยซิงหัว (Tsinghua University) และมหาวิทยาลัยปักกิ่ง ทำให้เกิดภาวะเครียดในหมู่นักเรียนนักศึกษา และการศึกษาในระดับมหาวิทยาลัยนี้ส่งผลต่อการเลือกงานในอนาคต เพื่อลดความตึงเครียดและเปิดโอกาสในการสร้างงาน คนจีนในระดับชนชั้นกลางจึงมีแนวโน้มที่จะส่งลูกหลานเข้ามาศึกษาในโรงเรียนหรือหลักสูตรนานาชาติมากขึ้นเนื่องจากทำเลที่ใกล้ และค่าเทอมที่ถูกกว่าการส่งลูกไปเรียนในภูมิภาคอื่นอย่างยุโรปหรือออสเตรเลีย ด้วยมาตรฐานการศึกษาที่ดี การเรียนที่มีการแข่งขันน้อยกว่า พร้อมกับโอกาสการต่อยอดการเรียนภาษาเพื่อการทำธุรกิจร่วมค้าระหว่างประเทศ
………..โดยครอบครัวชาวจีนที่ส่งลูกมาเรียนที่ไทย มีบ้านอยู่ที่ไทย จึงทำให้ไทยเป็นเสมือนเป็นบ้านหลังที่สอง ที่สามารถเริ่มประกอบธุรกิจส่งสินค้าไทยสู่ตลาดจีนได้ด้วย และที่สำคัญยังสามารถท่องเที่ยวในแหล่งท่องเที่ยวที่มีอยู่อย่างมากมายในระหว่างการศึกษา ชาวจีนจึงเห็นว่าสถาบันการศึกษาในไทยนั้นเป็นสถานที่เหมาะสมที่จะส่งลูกมาเรียน
ในวิกฤตมักยังมีโอกาสอยู่เสมอ คงจะเป็นความจริงที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ …..แต่จากสถานการณ์นี้เห็นได้ว่า การเปลี่ยนแปลงนั้นเกิดขึ้นได้อยู่ตลอดเวลา ธุรกิจท่องเที่ยวที่ซบเซาลงคงจะต้องหาวิธีการแก้ไขปัญหาการขาดรายได้จากนักท่องเที่ยวจีน…โดยพิจารณาหาแนวทางอื่นที่สอดคล้องกับแนวทาง (Trend) ในการเข้ามาจากต่างประเทศ..เพื่อตั้งรับและดูดซับรายได้เพื่อสร้างรายได้ให้กับประเทศในทุกช่องทาง
___________________________________________________________