ไม่ว่าจะเป็นการล่องเรือเพื่อชมเมือง เดินเล่นกับสิงโตเผือก ขับรถซุปเปอร์คาร์บนถนนริมชายหาด รับประทานอาหารในภัตตาคารที่สูงที่สุดในโลก ชมการแสดงระดับโลก หรือแม้แต่การเล่นสกี.ก็เกิดขึ้นได้กลางทะเลทรายในนครดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งทั้งหมดนั้นเป็นแผนการท่องเที่ยวที่ผ่านการวางกลยุทธ์ดึงดูดนักท่องเที่ยวระดับ high-end ทั่วโลกเพื่อสร้างรายได้เข้าประเทศแทนการค้าน้ำมันที่ค่อยๆ ถูกลดบทบาทลงไปในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
….ดังนั้นตลอดระยะเวลากว่า 30 ปีที่ผ่านมา นครดูไบได้มีการสร้างอาคารและสถานที่ท่องเที่ยวที่มีความทันสมัย ตื่นตา หรูหราขึ้นมาใหม่ทั้งหมด เพื่อสร้างประสบการณ์ท่องเที่ยวให้กับกลุ่มนักท่องเที่ยวในระดับไฮคลาสทั่วโลก เพื่อเป็น Destination ใหม่ของคนทั้งโลก จนได้ตำแหน่งเมืองที่น่าไปเที่ยวในอันดับที่ 4 ของโลก
สำหรับ “กรุงเทพมหานคร” ซึ่งจัดว่าเป็นเมืองที่น่าท่องเที่ยวในลำดับ 1 ของโลก ที่มีชื่อเสียงด้านแหล่งท่องเที่ยวทางด้านวัฒนธรรม อาหาร ประเพณี เทศกาล และความเป็นมิตรของชาวเมือง ทำให้ดึงดูดนักท่องเที่ยวไม่ต่ำกว่า 22 ล้านคนต่อปี แต่มันคงจะดีกว่าไหม? ถ้านักท่องเที่ยวสามารถกลับมาเที่ยวเมืองได้อีกครั้ง และกลับมาพร้อมกับการจับจ่ายใช้สอยที่ช่วยให้เกิดรายได้ให้กับผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว ดังนั้น เพียงแค่สถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ วัด สตรีทฟู้ด คงไม่เพียงพออีกต่อไป กรุงเทพมหานครยังคงต้องการแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ เพื่อจะสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับนักท่องเที่ยวให้ตื่นตาและเพลินเพลินอยู่ตลอดเวลา
“สถานที่แห่งการสร้างประสบการณ์และการจับจ่ายใช้สอย” คือ คำจำกัดความง่ายๆ ของห้างสรรพสินค้าหรือศูนย์การค้าที่กำลังเกิดขึ้นและแข่งขันกันอย่างดุเดือด การแย่งชิงทำเลทองภายในเมืองหลวงที่นับวันก็จะหายากมากขึ้นเรื่อยๆ บีบให้ผู้บริหารต้องสรรหาเอกลักษณ์ใหม่ๆ ในห้างสรรพสินค้าเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็น…. ห้างสรรพสินค้าที่มีความใกล้ชิดธรรมชาติ การเดินชอปปิ้งที่ให้บรรยายกาศเหมือนบ้าน ห้างสุดหรูที่มีแต่ของแบรนด์เนมหายาก หรือ ห้างอินเทรนด์ที่มีของกินมากมายหลายร้าน
ท่ามกลางกระแสการ Shopping ออนไลน์ ห้างสรรพสินค้าต่างเบี่ยงประเด็นด้านการค้าขาย มาเป็นการสร้างประสบการณ์ที่แปลกใหม่ในการเยี่ยมชมสถานที่เพื่อดึงดูดลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ หวังผลที่จะกระตุ้นกิจการและอสังหาริมทรัพย์รอบข้าง ซึ่งจะถูกพัฒนาเป็นที่อยู่อาศัยและอาคารสำนักงาน เพื่อให้กลายเป็นอาณาจักรที่ทำให้มูลค่าที่ดินเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว
การแข่งขันของการสร้างห้างสรรพสินค้าถูกขับเคี่ยวกันมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ขนาดพื้นที่ศูนย์การค้าที่มีขนาดใหญ่ นั่นหมายถึงจำนวนร้านค้าที่หลากหลาย การตกแต่งที่ดึงดูดความสนใจของคนในยุค Social Media รวมถึงการแทรกพื้นที่กิจกรรมที่แปลกใหม่ ไม่ต่างจากแหล่งท่องเที่ยวนครดูไบของประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
สำหรับประเทศไทย การแข่งขันนี้ยังมีให้เราเห็นอยู่อย่างต่อเนื่อง เพราะห้างสรรพสินค้ายังคงทำหน้าที่เฟ้นหาลูกค้ารายใหม่ๆ หรือรายใหญ่ที่พร้อมจับจ่ายใช้สอย ดังนั้น เราจะพบห้างสรรพสินค้าที่มีทั้งอาหารแบบสตรีทฟู้ดที่เข้าถึงได้ง่ายเพื่อดึงดูดกลุ่มคนทั่วไป ร้านค้าแฟชั่นที่ต้องต่อแถวเพื่อเข้าชมสินค้าที่มีราคาสูง โรงมหรสพที่มีการใช้เทคนิคแสงสีเสียงตระการตา หรือลานกีฬาสำหรับคนทุกเพศทุกวัย ห้างสรรพสินค้าจึงไม่ใช่แค่ศูนย์รวมร้านค้าอีกต่อไป แต่จะพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับ high-end เพื่อให้กรุงเทพมหานครเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำหรับคนทุกระดับ
……และไม่ใช่แค่กรุงเทพมหานครเพียงเท่านั้น หัวเมืองใหญ่ไม่ว่าจะเป็นเชียงใหม่ ภูเก็ต อุดรธานี นครราชสีมา ก็กำลังมีการแข่งขันของห้างสรรพสินค้าเพิ่มขึ้นเช่นกัน เป็นการหนุนเสริมเพื่อสร้างรายได้ระหว่างแหล่งท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติที่ได้จากสภาพภูมิศาสตร์ การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมที่ก่อตัวจากลักษณะสังคมท้องถิ่น ร่วมกับความสะดวกสบายที่ทันสมัยของห้างสรรพสินค้า เพื่อรองรับการท่องเที่ยวที่จะทำให้นักท่องเที่ยวอยากกลับมาเที่ยวซ้ำ และเสริมสร้างรายได้ให้กับประเทศได้ต่อไป