บทความนี้ชวนทำความรู้จัก “ไม้ล้อม” คือ กระบวนการยกต้นไม้ที่โตเต็มที่ และเกินระยะต้นกล้าแล้ว เพื่อนำไปปลูกในอีกพื้นที่หนึ่ง การย้ายต้นไม้ขนาดใหญ่จะต้องมีวิธีการตัดรากออกจากพื้นดินเป็นตุ้ม เป็นงานที่ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญเพื่อไม่ให้ต้นไม้ตาย และสามารถงอกรากใหม่ในพื้นที่ที่จะนำไปปลูกได้ รวมถึงการลิดกิ่งเพื่อให้สะดวกต่อการขนส่ง โดยการลิดจะต้องคำนึงถึงรูปทรงของต้นไม้ที่จะต้องการให้เติบโตต่อในภายหน้า เพราะฉะนั้น การปลูกไม้ล้อมจึงต้องอาศัยความเชี่ยวชาญในการเลือกต้นให้เหมาะสมกับพื้นที่ ทั้งในเรื่องของรูปทรงที่สวยงาม การเตรียมพื้นที่รับไม้ล้อม การปลูก การย้ายต้นไม้ที่มีน้ำหนักมาก ความเชื่อต่างๆ ในชุมชน ตลอดจนการดูแลรักษาหลังจากการเพาะปลูกเพื่อให้ได้ต้นไม้ใหญ่ในพื้นที่ตามต้องการ
ปัจจุบัน กระบวนการทำไม้ล้อม หรือธุรกิจไม้ล้อม ส่วนมากจะนำไปใช้กับหมู่บ้านใหม่ๆ ที่ใช้ต้นไม้ไม่เกิน 1-3 ต้น ต่อหลังให้ความร่มรื่น มีราคาตั้งแต่หลักพันจนถึงหลักแสนบาทต่อต้น และสามารถต่อยอดสร้างรายได้ในหลักแสนล้านบาทได้จากการส่งออกไปยังต่างประเทศ ทั้งนี้หากคำนึงถึงเรื่องของเวลา การใช้ไม้ล้อมถือเป็นการซื้อเวลาในการเพาะปลูกพืชที่จะต้องรอให้โตจากเมล็ดหรือเพาะกล้า สามารถลดระยะเวลาได้ 2 ปีขึ้นไป ขึ้นอยู่กับขนาดต้นไม้ที่ต้องการ แต่สำหรับประเทศที่มีอากาศเหมาะสมกับการเจริญเติบโตของต้นไม้ ไม่ว่าจะแล้งจัดในแถบตะวันออกกกลางหรือเย็นจัดในยุโรป “การซื้อเวลา” เพื่อย่นระยะการเจริญเติบโตของต้นไม้ก็ถือว่าคุ้มค่า
ความต้องการของตลาดนี้ ทำให้ไม้ล้อมมีมูลค่าสูงมากขึ้น เพราะในแถบภูมิอากาศร้อนชื้นของประเทศไทยที่มีฝนตกชุก ต้นไม้สามารถเจริญเติบโตได้ตลอดทั้งปี ไม่ต้องผลัดใบเพื่อจำศีลในช่วงฤดูหนาว และไม่ต้องเสี่ยงขาดน้ำจนยืนต้นตาย ถือว่า…ไทยมีความได้เปรียบหลายอย่างจากสภาพภูมิอากาศ ทำให้ได้รับความสนใจจากนานาชาติที่ต้องการซื้อไม้ล้อมที่มีคุณภาพดี ซึ่งมาจากการคัดเลือกและพัฒนาสายพันธุ์ โดยเฉพาะประเทศเศรษฐีน้ำมันในแถบตะวันออกกลาง ที่ต้องการสร้าง OASIS สีเขียวในมหานครใหม่ๆ ที่สร้างขึ้นกลางทะเลทราย เช่น สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ คูเวต โอมาน กาตาร์ บาห์เรน และซาอุดิอาระเบีย ซึ่งมีความต้องการนำเข้าไม้ล้อมไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านต้น
ธุรกิจไม้ล้อม….จึงเป็นโอกาสทางการตลาดการส่งออกของไทยไปยังต่างประเทศ โดยใช้ความได้เปรียบทางภูมิศาสตร์ของประเทศไทย และยังถือเป็นธุรกิจที่ดีต่อสิ่งแวดล้อม เพราะการปลูกไม้ยืนต้นช่วยกรองอากาศ เก็บคาร์บอนไดออกไซด์ และการเพาะไม้ยืนต้น ไม่ได้ใช้สารเคมีหรือยาฆ่าแมลงมากเท่าพืชผักสวนครัว จึงส่งผลดีต่อสภาพแวดล้อม ช่วยฟื้นฟูจุลินทรีย์ในดิน อีกทั้งเหมาะสำหรับการพลิกฟื้นพื้นที่ที่หน้าดินสูญเสียความอุดมสมบูรณ์ไปแล้วจากการทำเกษตรเชิงเดี่ยว
แต่!!…..แน่นอนว่าแม้จะอยู่ในภูมิภาคร้อนชื้นที่ต้นไม้เติบโตเร็ว การสร้างรายได้จากกระบวนการและธุรกิจไม้ล้อมจะต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 3-5 ปี จึงจะได้รายได้คืน และรายได้จะสูงมากขึ้นเมื่อปลูกนานขึ้น ดังนั้น การปลูกไม้ล้อมเพื่อส่งออก ยังมีจุดอ่อนในด้านของรายได้ที่อาจจะไม่เร็วทันใจ แตกต่างจากการทำการเกษตรประเภทอื่นที่มีวัฏจักรการเพาะปลูกที่สั้นกว่า เช่น ผักสวนครัว วัน ข้าว 4 เดือน และผลไม้ที่สามารถเก็บเกี่ยวได้ 1 ฤดูกาลต่อปี
นอกจากนี้ อุปสรรคที่สำคัญของการส่งออกไม้ล้อม คือ มาตรฐานที่จะเป็นตัวคัดกรองคุณภาพของไม้ล้อมที่ส่งออก การเพาะต้นกล้าและการปลูกไม้ล้อมจะต้องมีการตัดแต่งและบำรุงรักษาให้ลำต้นมีความสวยงาม แข็งแรง โตไว ตรงตามความต้องการของตลาด และให้ผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้ทางด้านพฤกษศาสตร์ ด้านวิชาการเกษตร ด้านนิเวศวิทยา ด้านปฐพีวิทยา ด้านชลประทาน ด้านการขนส่ง ด้านฤดูกาลเป็นผู้วางแผนการขุดล้อมและขนย้าย เพื่อรักษาตุ้มดินบริเวณรากไม้ให้ยังคงเหลือรากไปเจริญเติบโตต่อได้
………..แม้ว่าจะใช้เวลานานหรือต้องเผชิญการต่อสู้กับมาตรฐานสูง แต่การทำไม้ล้อม อาจเป็นรูปแบบการทำเกษตรที่สร้างโอกาส หรือสร้างป่ารูปแบบใหม่ที่เหมาะสมกับแนวนคิดธุรกิจแบบ ESG (Environment Social Governance) ที่ยังมีพื้นที่ว่างในตลาดอีกมาก และเช่นเดียวกับธุรกิจอื่นๆ ที่ต้องการความเชี่ยวชาญหรือประสบการณ์เข้ามาประยุกต์ใช้กับการทำการเกษตรรูปแบบอื่นเพื่อเสริมสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรหรือผู้ค้าไม้ภายใต้การส่งเสริมของภาครัฐ องค์ความรู้จากภาควิชาการ เข้ามาร่วมผลักดันไม้ล้อมไทยไปสู่ทั่วโลก ….สร้างพื้นที่สีเขียวเพิ่มเติมให้กับโลกต่อไป