เว็บไซต์ bleepingcomputer รายงานเมื่อ 19 ส.ค.67 ว่า ผู้ที่ตกเป็นเหยื่อมัลแวร์เรียกค่าไถ่ (Ransomware) จ่ายเงินค่าไถ่ให้กับอาชญากรทางไซเบอร์ รวมมูลค่า 459,800,000 ดอลลาร์สหรัฐ ในช่วงครึ่งแรกของปี 2567 ซึ่งอาจจะเป็นสถิติใหม่แซงหน้าปี 2566
จากรายงานล่าสุดของ Chainalysis บริษัทวิเคราะห์ Blockchain ของสัญชาติ ว่า เมื่อ 2566 การจ่ายเงินค่าไถ่จากมัลแวร์เรียกค่าไถ่พุ่งสูงถึงร 1.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งคาดการณ์ไว้จากสถิติที่รวบรวมในช่วงครึ่งปีแรก 2566 ที่มัลแวร์เรียกค่าไถ่ ทำรายได้ 449,100,000 เหรียญสหรัฐ
จากสถิติของการชำระค่ามัลแวร์เรียกค่าไถ่ของเหยื่อ จะเห็นว่าในปี 2567 จะสูงกว่า 2566 ประมาณ 2 % แม้จะมีการปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมายที่สำคัญที่ขัดขวางการปฏิบัติการของกลุ่มมัลแวร์เรียกค่าไถ่ หรือ บริการ ransomware-as-a-service เช่น LockBit
โดยวิธีการที่ตรวจพบ กลุ่มแฮ็กเกอร์จะพุ่งเป้าไปที่องค์กรขนาดใหญ่เพื่อเรียกค่าไถ่จำนวนมหาศาล และขโมยข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า
ขณะเดียวกันก็พบการเพิ่มขึ้นที่คล้ายคลึงกันในจำนวนเหยื่อที่ถูกเผยแพร่บนฟอรัมแฮ็กเกอร์ เมื่อพิจารณาจากจำนวนเหยื่อที่ยอมจำนนต่อการแบล็กเมล์ของผู้คุกคามและเลือกที่จะจ่ายค่าไถ่เพื่อแลกกับโปรแกรมถอดรหัสและคำสัญญาที่จะไม่รั่วไหลข้อมูลที่ถูกขโมยไป Chainalysis ระบุว่าแนวโน้มในเชิงบวกยังคงมีอยู่ โดยมีองค์กรที่ตกเป็นเหยื่อของการกรรโชกทรัพย์น้อยลง