หลายประเทศวางแผนพัฒนาประเทศสำหรับอนาคต 10-20 ปี แต่ในอนาคตอันใกล้อีก 6 ปี นั่นคือ ปี ค.ศ.2030 เป็นอนาคตอันใกล้ที่จะมีการเปลี่ยนแปลงใหญ่ๆ เกิดขึ้น ถือเป็นก้าวสำคัญที่จะกำหนดอนาคตของมนุษยชาติต่อไปอีก โดยจุดเปลี่ยนที่สำคัญ ได้แก่ เทคโนโลยี การเงิน การคมนาคมขนส่ง การแพทย์ และสิ่งแวดล้อม บทความนี้จะชวนไปดูรายละเอียดว่า จุดเปลี่ยนเหล่านั้นกำลังก้าวเดินไปยังทิศทางใด และจะส่งผลกระทบอะไรต่อมนุษยชาติ?
จุดเปลี่ยนแรก ด้านเทคโนโลยี การพัฒนาของปัญญาประดิษฐ์หรือ (Artificial Intelligence – AI) ที่เริ่มขึ้นตั้งแต่ปัจจุบันเป็นพื้นฐานสำคัญที่จะทำให้ทุกๆ ด้านเปลี่ยนแปลงไป อุปกรณ์หลายๆ ชนิดจะมีสมองกลเพื่อปฎิสัมพันธ์กับมนุษย์ รับคำสั่งจากมนุษย์ วิเคราะห์ข้อมูล และเรียนรู้จากมนุษย์ และด้วยอัตราการพัฒนาความฉลาดของ AI คาดว่าอีก 5 ปี AI จะฉลาดเท่ามนุษย์ และฉลาดกว่ามนุษย์ 10,000 เท่าใน 10 ปี และด้วยความฉลาดนี้ AI จะเปลี่ยนบทบาทมาเป็นผู้ให้ำแนะนำ มากกว่าที่จะเป็นเครื่องมือให้กับมนุษย์
ความเปลี่ยนแปลงที่ 2 ด้านการเงิน เมื่อการตรวจสอบความซื่อตรงของระบบ AI ยังไม่มีเกณฑ์กลางและยังไม่มีศูนย์กลางการตรวจสอบ ระบบการเงินแบบดิจิทัลจะไม่มีเสถียรภาพ แม้มีโอกาสจะใช้แลกเปลี่ยนกันได้ทั่วโลก เพียงแค่เข้าถึงโลกอินเทอร์เน็ตได้ และจะยังมีความท้าทายเรื่องความแตกต่างของค่าเงินของแต่ละประเทศ อย่างไรก็ดีจะเลือนลางลงไปเรื่อย ๆ ในรูปแบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์เศรษฐกิจโลก และการใช้เงินดิจิทัลอย่างแพร่หลายจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ได้เลยทีเดียว
ด้านที่ 3 คือ การคมนาคมขนส่ง ในยุคที่คนเลิกเดินห้างและหันมาชอปปิ้งออนไลน์ “การส่งของ” ก็มีบทบาทมากขึ้นในการค้าขายออนไลน์ และด้วยปริมาณสินค้าที่หลายหลายรูปทรง มีคำสั่งซื้อจำนวนมาก และจุดหมายปลายทางที่กระจายอยู่ทั่วทุกที่ จนกลายเป็น “ฐานข้อมูลการขนส่ง” ขนาดใหญ่ที่ต้องการตัวช่วยอย่าง AI เข้ามาจัดการระบบการขนส่งให้มีประสิทธิภาพสูง เพื่อช่วยลดต้นทุนต่อเที่ยว และเพิ่มความคุ้มค่าการขนส่งที่คุ้มค่า รวมทั้งลดผลกระทบต่อมลพิษทางสิ่งแวดล้อมได้
ด้านที่ 4 การแพทย์ ว่ากันว่ามนุษย์จะอายุยืนขึ้น มีอายุขัยเกิน 120 ปี ด้วยเทคโนโลยีการแพทย์เชิงรุกที่ก้าวหน้า เสมือนการได้เข้าโรงพยาบาลเพื่อซ่อมแซมและบำรุงร่างกายทุกวันจากการแพทย์ที่เข้าถึงได้ง่าย การแสดงผลตรวจวัดร่างกายที่สามารถแจ้งเตือนได้ทุกชั่วโมงเพื่อรีบแก้ไขปัญหาทางสุขภาพ ในช่วงปี 2025-2030 เทคโนโลยีทางการแพทย์จะพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่องในอัตราเร็วที่เมื่อเวลาผ่านไป 1 ปี จะมีนวัตกรรมทางการแพทย์ช่วยชะลอวัยได้ 1 ปี ดังนั้นในปี 2030 มนุษย์จะอยู่กับเทคโนโลยีที่ทำให้สุขภาพแข็งแรงได้จากภายใน รวมทั้งมีความงามจากภายนอกได้อย่างใจต้องการ
ต่อให้ AI พัฒนาทุกอย่างให้ล้ำหน้า แต่ความท้าทายเรื่องสิ่งแวดล้อมในปี 2030 จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญอย่างมากต่อการใช้ชีวิตเช่นกัน ปัจจุบันมนุษย์ตั้งเป้าจะสร้างความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) เพื่อไปสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) แต่หากทำไม่สำเร็จ….นั่นอาจหมายถึงมนุษย์จะเป็นเผ่าพันธุ์เดียวที่อายุยืนด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ ขณะที่สัตว์สายพันธุ์อื่นๆ ทยอยสูญพันธุ์ไปจากโลกใบนี้ เนื่องจากพืชที่เป็นแหล่งอาหารล่างสุดของห่วงโซ่อาหารไม่สามารถเจริญเติบโตได้อีกต่อไป แหล่งน้ำและอากาศเป็นพิษเพราะพืชไม่สามารถกรองอากาศได้ทั้งหมด
………..ดูเหมือนว่าปี 2030 จะมี AI เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้โลกยังน่าอยู่สำหรับมนุษย์ เพราะ AI รองรับการใช้ชีวิตเพื่อให้เกิดความสะดวกสบาย ปลอดภัยมากขึ้น แต่อันตรายจากการเปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากการกระทำของมนุษย์หลายยุคหลายสมัย ซึ่งทับถมกันมากำลังจะ “ดับฝันการดำรงอยู่ของมนุษย์” และสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ด้วย เราจะอยู่ได้อย่างไรหากไม่มีอากาศบริสุทธิ์หายใจ AI ก็ไม่อาจจะช่วยเหลือเราเรื่องนี้ได้?! ดังนั้น อนาคตที่ไกลว่าปี 2030 ไปนั้น สิ่งที่จะคงเหลือเพื่อสร้างอารยธรรมและเจริญเติบโตพัฒนาต่อ อาจจะเป็น AI จนอาจถือได้ว่าเป็นยุคที่ AI ครองโลกเหมือนในภาพยนตร์หลายเรื่องที่กำลังเตือนเราอยู่ในตอนนี้