ภาวะโลกรวนทำให้ระดับน้ำทะเลทั่วโลกสูงขึ้น จนส่งผลให้พื้นที่ชายฝั่งของประเทศไทยถูกน้ำท่วมไปกว่า 16,000 ตารางกิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่กว่า 17 จังหวัด ซึ่งจะกลายเป็นพื้นที่ทะเล ปรากฏการณ์นี้เป็นการเปลี่ยนแปลงภูมิศาสตร์ครั้งใหญ่ ที่เป็นผลจากธรรมชาติ แต่ยังมีการเปลี่ยนแปลงภูมิศาสตร์อีกรูปแบบที่เกิดจากการกระทำของมนุษย์โดยไม่รู้ตัว นั่นคือ “การกลายเป็นทะเลทราย” นั่นเอง
การกลายเป็นทะเลทรายโดยมือมนุษย์ คือ ผลจากการที่พื้นห่างไกลชายฝั่ง ไม่ได้รับอิทธิพลจากลมทะเล ซึ่งปกติแล้วจะคอยพัดเอาความชุ่มชื้นไปให้ ทำให้บริเวณเหล่านั้นมักจะกลายเป็นพื้นที่แห้งแล้ง มีพืชหรือสัตว์ไม่เพียงกี่ชนิดที่จะดำรงชีวิตอยู่ในสภาพที่ทรหดดังกล่าวได้ เนื่องจากมีปริมาณน้ำฝนที่น้อยกว่า 250 มิลลิเมตรต่อปี พื้นที่เหล่านั้นเรารู้จักกันดีในชื่อ “ทะเลทราย” …ดินแดนทะเลทรายเหล่านี้มักอยู่ใจกลางแผ่นดินใหญ่ เช่น ที่ราบขนาดใหญ่ของจีน ภูมิภาคตะวันออกกลาง ใจกลางทวีปออสเตรเลียและอเมริกา แม้แต่ในมหาทวีปพันเจีย (Pangaea) เมื่อ 335 ล้านปีก่อน ก็มีทะเลทรายขนาดใหญ่อยู่กลางทวีป ซึ่งเป็นทะเลทรายที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในขณะนั้น ก่อนที่มหาทวีปพันเจียจะถูกแยกออกเป็นทวีปต่าง ๆ จนมีสภาพใกล้เคียงกับปัจจุบัน
ส่วนทะเลทรายชื่อดังขนาดใหญ่ในยุคปัจจุบัน มีนามว่า ซาฮารา (Sahara) ซึ่งมีการพบภาพเขียนสีบนผนังที่เล่าเรื่องของการตั้งถิ่นฐานบนพื้นที่ที่มีความอุดมสมบูรณ์ตรงนี้ และเมื่อเวลาผ่านไป ซาฮาราถูกธรรมชาติและการหมุนตัวของแกนโลกปรับเปลี่ยนให้กลายเป็นพื้นที่แห้งแล้ง จนกลายเป็นทะเลทรายแบบที่คุ้นเคยในปัจจุบัน และในอนาคตพื้นที่แห่งนี้มีแนวโน้มว่าจะกลับมาเป็นสีเขียวอีกครั้ง!! …จากสถานการณ์ความแปรปรวนของสภาพอากาศจนทำให้เกิดน้ำท่วมจากปริมาณน้ำฝนที่มากกว่าปกติในปี 2567 ที่ผ่านมา โดยมีงานวิจัยในต่างประเทศบอกว่า สภาพอากาศในซาฮาราจะเปลี่ยนแปลงทุก ๆ 21,000 ปี และเมื่อปี 2567 พื้นที่ทะเลทรายในซาฮาราเริ่มมีสีเขียวมากขึ้น และพื้นที่เขตการบรรจบกันระหว่างเขตร้อน หรือ Intertropical Convergence Zone (ITCZ) ก็ขยับตัวสูงขึ้นจนทำให้มีความชื้นในซาฮาราเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วด้วย
สำหรับประเทศไทย…มีความเสี่ยงที่จะเกิดพื้นที่แห้งแล้งระดับทะเลทราย ซึ่งพื้นที่ที่มีความแห้งแล้งมากที่สุด ก็คงหนีไม่พ้นภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เนื่องจากภูมิประเทศในภาคนี้เป็นพื้นที่ห่างไกลทะเล ไกลจากพื้นที่ชายฝั่ง และเป็นที่ราบขนาดใหญ่สูงกว่าระดับน้ำทะเล มีปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยอยู่ที่ 1,469 มิลลิเมตรต่อปี น้อยเมื่อเทียบกับปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยของประเทศที่ 1,601 มิลลิเมตรต่อปี น้อยกว่าในภาคใต้ที่มีปริมาณน้ำฝนมากที่สุดถึง 2,753 มิลลิเมตรต่อปี และจากสภาพภูมิประเทศที่ราบและเป็นแอ่งกระทะนี้ ทำให้เกิดแหล่งน้ำสายหลักไหลผ่านภูมิภาคขนาดใหญ่ 3 สายได้แก่ แม่น้ำชี แม่น้ำโขง และแม่น้ำมูล แต่นี่ไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้ประเทศไทย “มีความเสี่ยง” จะกลายเป็นทะเลทราย แต่สาเหตุมาจากการทำการเกษตรเชิงเดี่ยวที่เปลี่ยนจากพื้นที่ป่า ให้เป็นไร่ข้าวโพดอาหารสัตว์และผลิตภัณฑ์แปรรูปจากแป้งข้าวโพดนั่นเอง
ทำไมการเปลี่ยนพื้นที่ป่าเป็นพื้นที่เกษตรกรรมจึงเป็นปัญหาสำคัญ!?บทความนี้ไม่มีเจตนาวิจารณ์ผู้ทำเกษตรกรรมแต่อย่างใด แต่มุ่งหวังให้ผู้อ่านทุกฝ่ายเข้าใจกระบวนการเกษตรกรรม เริ่มจากปัญหา “คุณภาพดินเสื่อม” ก็เพราะเมื่อหน้าดินเริ่มเสื่อมโทรมจากการปลูกพืชชนิดเดิม เช่น ข้าวโพด ซ้ำกันหลายๆ รอบ จนผลผลิตเริ่มน้อยลงก็จะเปลี่ยนมาปลูกอ้อย ที่ตามธรรมชาติแล้วเป็นพืชที่สูบน้ำและแร่ธาตุจากดินปริมาณมาก เพื่อสร้างความหวาน ให้ผ่านเกณฑ์ความต้องการของโรงงานน้ำตาล ไปใช้ผลิตเครื่องดื่มและอาหารที่กินกันอย่างเหลือเฟือ ซ้ำด้วยการเผาซากอ้อยเพื่อให้สามารถเริ่มการเก็บเกี่ยวรอบต่อไปได้เร็ว ๆ กระบวนการนี้มีผลให้หน้าดินพังทลาย กลายเป็นผงธุลี และพืชชนิดอื่นไม่สามารถเจริญเติบโต เพราะดินไม่สามารถอุ้มน้ำฝนที่ตกลงมาและสิ่งมีชีวิตในดินอย่างจุลินทรีย์ที่คอยย่อยแร่ธาตุอาหารให้กับรากพืช ก็สูญสิ้นไป จากการใช้สารเคมี กลุ่มยาฆ่าหญ้าและยาฆ่าแมลง …จนท้ายที่สุด เกษตรกรเหลือพืชเศรษฐกิจชนิดเดียวที่ยังคงเพาะปลูกได้ นั่นคือ “มันสำปะหลัง” ที่อาจจะกำลังตักตวงความอุดมสมบูรณ์สุดท้ายจากพื้นดิน และปล่อยให้พื้นที่เพาะปลูก เปลี่ยนสภาพกลายเป็นทะเลทรายในที่สุด หากไม่มีการบำรุงดินหรือเปลี่ยนการใช้งานพื้นที่อย่างเหมาะสม
ในปัจจุบันประเทศไทยมีพื้นที่ปลูกมันสำปะหลัง อ้อย และข้าวโพดรวมกันจำนวนมาก ที่ผ่านมามีการศึกษาผลกระทบจากการทำเกษตรกรรมที่ไม่เหมาะสมจนทำให้ดินที่อุดมสมบูรณ์เปลี่ยนสภาพกลายเป็นดินดาน หรือดินที่พืชไม่สามารถเติบโตได้อย่างสมบูรณ์ เกษตรกรต้องเติมปุ๋ยและสารเคมี จนซ้ำเติมปัญหาคุณภาพดินไปอีก และพื้นที่เหล่านี้พร้อมที่จะกลายเป็นทะเลทรายไม่ว่าจะอยู่ในภูมิภาคใดก็ตาม จากข้อมูลของกรมพัฒนาที่ดินเกี่ยวกับพื้นที่ดินดานของประเทศไทย ส่วนใหญ่อยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยพื้นที่ที่มีโอกาสเกิดชั้นดานจำนวน 27,672,394 ไร่ ครอบคลุมพื้นที่ 52 จังหวัด 491 อำเภอ 2,665 ตำบล โดยแบ่งพื้นที่ออกเป็น 3 ระดับ ส่วนพื้นที่ที่มีศักยภาพในการเกิดชั้นดานนั้น พบมากที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รองลงมาได้แก่ ภาคกลาง และภาคตะวันออก…
แล้วสภาพดินดานข้างต้นนั้น มีโอกาสจะเปลี่ยนเป็นทะเลทรายหรือไม่!? กระบวนการนี้อาจใช้เวลาอีกนาน แต่เกิดขึ้นได้หากพิจารณาจากปัจจัยตามธรรมชาติ ประกอบกับพฤติกรรมของมนุษย์ และหากยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงกระบวนการทำเกษตรกรรม หรือการบำรุงรักษาดินให้อุดมสมบูรณ์
อาจสรุปได้ว่า วัฏจักรทางธรรมชาติสามารถทำให้พื้นที่ทะเลทรายกลายเป็นป่าหรือพื้นที่ชุ่มน้ำ ในทางกลับกัน ก็ทำให้ป่ากลายเป็นทะเลทรายได้ จากการเปลี่ยนแปลงที่ใช้ระยะเวลายาวนานหลายศตวรรษ แต่ปัจจัยเหล่านั้นถูกเร่งรัดได้ด้วยผีมือของมนุษย์ หากใช้วิธีการมองอนาคตไกล ๆ แบบไม่ตัดความเป็นไปได้ที่อันตรายที่สุด หรือ worst case scenario ประเทศไทยที่อุดมสมบูรณ์ก็มีโอกาสกลายเป็นทะเลทรายแห้งแล้งในอนาคต… จากนั้น เราจะไม่มีทางรู้ได้เลยว่า ความอุดมสมบูรณ์จะกลับคืนมาในอีกกี่ช่วงอายุ รุ่นลูกรุ่นหลานจะต้องเผชิญกับภูมิศาสตร์ของประเทศแบบไหน ดินแดนสามเหลี่ยมทองคำอาจเป็นแค่เรื่องเล่าในวิชาประวัติศาสตร์ให้จารึกไว้
ดังนั้น สิ่งที่ควรทำในปัจจุบันอาจต้องลงมืออย่างจริงจังเพื่อชะลอความเปลี่ยนแปลงที่น่ากังวลดังกล่าว น่าจะดีกว่าต่างคนต่างทำ หรือยอมรับสภาพ และได้แต่คาดหวังว่าธรรมชาติจะช่วยเปลี่ยนสภาพแวดล้อมให้กลับคืนมาอีกครั้งในอนาคตอันแสนไกล