เว็บไซต์ The Next Web (TNW) รายงานข่าวเมื่อ 16 เม.ย. 68 ว่า การประกาศมาตรการภาษีของสหรัฐฯ ของรัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ส่งผลกระทบให้ต่อความเชื่อมั่นด้านการใช้งานโครงสร้างพื้นฐานระบบคลาวด์ของยุโรป ซึ่งปัจจุบันผู้ให้บริการคลาวด์ (Cloud) ส่วนใหญ่มากกว่าร้อยละ 50 เป็นของสหรัฐฯ เช่น Amazon Web Services (AWS), Microsoft Azure, Google Cloud Platform (GCP) แต่ในยุโรปก็มีผู้ให้บริการคลาวด์จำนวนมาก เช่น OVHCloud ของฝรั่งเศส, UpCloud ของฟินแลนด์, IONOS ของเยอรมนี แม้ว่าผู้ให้บริการคลาวด์ของยุโรปมีขนาดเล็กกว่าและมีขีดความสามารถน้อยกว่าผู้ให้บริการคลาวด์ของสหรัฐฯ แต่ผู้ให้บริการคลาวด์ของยุโรปก็มีจุดเด่นที่มีการจัดเก็บข้อมูลไว้ในยุโรปและมีความเป็นส่วนตัวของข้อมูลมากกว่า
ก่อนหน้านี้ นายอเล็กซานเดอร์ ซัมซิค ที่ปรึกษาอาวุโสและหุ้นส่วนของ Funktive ของนอร์เวย์ ให้ความเห็นเมื่อ มี.ค. 68 ว่า ในปี 2568 การเลือกผู้ให้บริการคลาวด์ของยุโรป จะไม่ได้ขึ้นอยู่กับราคาและเทคโนโลยีเท่านั้น แต่อาจมีการพิจารณาถึงระบบคลาวด์ยุโรปที่เป็นอิสระ มีผู้ให้บริการที่สามารถแข่งขันได้ ทำให้ลูกค้ามีอิสระในการเลือก ขณะที่นางคลาร่า ชาปาซ รัฐมนตรีด้านปัญญาประดิษฐ์และเทคโนโลยีดิจิตอลของฝรั่งเศส เรียกร้องเมื่อ 14 เม.ย. 68 ให้กลุ่มประเทศยุโรป รับมือกับบริษัทเทคโนโลยีของสหรัฐฯ โดยเฉพาะส่วนการบริการคลาวด์ และ บังคับใช้กฏเกณฑ์ทางดิจิทัลเพื่อตอบโต้มาตรการของสหรัฐฯ