ห้วงที่ผ่านมา ทางการจีนตระหนักดีว่าปัญหาอาชญากรรมที่เกิดจากกลุ่ม “จีนเทา” ไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของจีนในสายตาประชาคมโลกเท่านั้น แต่ยังเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของพลเมืองจีนเอง ที่มีคนจีนจำนวนไม่น้อยที่ต้องตกเป็นเหยื่อของการหลอกลวงและการค้ามนุษย์ในต่างแดน ทำให้ทางการจีนเร่งกวาดล้างกลุ่มทุนจีนเทาอย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง
จีนผนึกกำลัง เมียนมา กัมพูชา ลาว ปราบ “จีนเทา” ทั่วอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง โดยดำเนินการแก้ไขปัญหานี้อย่างจริงจังและหลากหลายมิติในการปราบปรามทุนจีนเทา เช่น
กดดันทางการทูตและกฎหมาย จีนใช้ช่องทางทางการทูตกดดันรัฐบาลเมียนมา กัมพูชา และลาวอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ดำเนินมาตรการที่เข้มงวดในการปราบปรามกลุ่มอาชญากรเหล่านี้ รวมถึงเรียกร้องให้ประเทศในอาเซียน “แสดงความรับผิดชอบ” และจัดการกับการพนันออนไลน์และแก๊งคอลเซ็นเตอร์อย่างจริงจัง โดยรัฐมนตรีต่างประเทศจีนได้เรียกร้องให้ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ใช้มาตรการที่รุนแรงขึ้นในการจัดการกับอาชญากรรมข้ามพรมแดนเหล่านี้
ผลักดันความร่วมมือด้านการบังคับใช้กฎหมายและการส่งผู้ร้ายข้ามแดน จีนเพิ่มความร่วมมือกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายของประเทศในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ทั้งเมียนมา กัมพูชา และลาว รวมถึงไทย ในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวกรอง ดำเนิน ปฏิบัติการร่วม และส่งผู้ร้ายข้ามแดน มีการจัดตั้งศูนย์ประสานงานร่วมกันเพื่อต่อต้านอาชญากรรมไซเบอร์และการค้ามนุษย์ เห็นได้จากกรณีที่ตำรวจเมียนมาส่งตัวผู้ต้องหาชาวจีนจำนวนมากกลับจีนเพื่อรับโทษตามกฎหมาย รวมถึงการหารือระหว่างสำนักงานตำรวจแห่งชาติไทยและกระทรวงความมั่นคงสาธารณะของจีน เพื่อยกระดับความร่วมมือในการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในพื้นที่ชายแดนเมียนมา กัมพูชา และลาว
จีนยังผลักดันการปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์เหล่านี้ในระดับพหุภาคีอย่างความร่วมมือภายใต้ “ศูนย์ความร่วมมือด้านการบังคับใช้กฎหมายแม่โขง-ล้านช้าง (Lancang-Mekong Integrated Law Enforcement and Security Cooperation Center–LMLECC) ซึ่งจีนก่อตั้งเมื่อปี 2560 มีภารกิจส่งเสริมความร่วมมือด้านการบังคับใช้กฎหมายและความมั่นคงในภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง เพื่อต่อสู้กับอาชญากรรมข้ามชาติทุกรูปแบบ โดย LMLECC สนับสนุนและประสานงานการปฏิบัติการร่วมระหว่างประเทศสมาชิกเพื่อกวาดล้างฐานปฏิบัติการของ “จีนเทา” ตัวอย่างที่ชัดเจนคือ “ปฏิบัติการนกนางนวล (Operation SEAGULL)” ซึ่งเป็นปฏิบัติการที่ LMLECC ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในการต่อต้านเครือข่ายการฉ้อโกงโทรคมนาคมที่ดำเนินการอยู่ตามแนวชายแดนไทย-เมียนมา
นอกเหนือจากการปราบปรามกลุ่มจีนเทา ทางการจีนยังเน้น การช่วยเหลือและคุ้มครองพลเมืองจีน โดยเฉพาะพลเมืองของตนที่ถูกหลอกลวงหรือถูกบังคับใช้แรงงานในฐานปฏิบัติการของกลุ่มจีนเทา มีการประสานงานอย่างใกล้ชิดกับหน่วยงานท้องถิ่นเพื่อเข้าช่วยเหลือและส่งตัวเหยื่อกลับประเทศ ยกตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจน คือ กรณีนักแสดงชาวจีนที่ถูกลักพาตัวไปในเมียนมาที่ได้รับความช่วยเหลือและส่งตัวกลับประเทศจีนเรียบร้อยแล้ว
สุดท้ายแล้วทางการจีนเน้นการตัดวงจรการสนับสนุน แม้ว่าจีนจะลงทุนอย่างมหาศาลในภูมิภาคนี้ แต่จีนก็พยายามตัดวงจรการสนับสนุนกลุ่มจีนเทาทางอ้อม เช่น การกดดันให้มีการควบคุมการลงทุนและการดำเนินธุรกิจที่อาจถูกใช้เป็นช่องทางในการฟอกเงินหรือสนับสนุนกิจกรรมผิดกฎหมาย เพื่อไม่ให้กลุ่มเหล่านี้ใช้การลงทุนอย่างถูกกฎหมายเป็นเกราะกำบัง
ส่วนมาตรการอื่น ๆ ที่จีนดำเนินการในประเทศ อาทิ การปรับปรุงและเพิ่มเติมกฎหมายให้ครอบคลุมการกระทำผิดรูปแบบใหม่ๆ โดยเฉพาะในด้านการเงิน การพนัน และอาชญากรรมไซเบอร์ การบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดจริงจัง การยึดทรัพย์สินของผู้กระทำผิดเพื่อตัดท่อน้ำเลี้ยงทุนสีเทา รวมถึงการประชาสัมพันธ์และให้ความรู้แก่ประชาชนเกี่ยวกับกลโกงรูปแบบต่างๆ เพื่อให้ประชาชนรู้เท่าทันและไม่ตกเป็นเหยื่อ
ผลจากการที่จีนเข้ามาร่วมปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ที่เห็นได้ชัดคือ เครือข่ายอาชญากรรมเหล่านี้เสียหายอย่างหนัก ทำให้การหลอกลวงและการค้ามนุษย์ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ แต่การปราบทุนจีนยังมีความท้าทาย ทั้งจากการที่กลุ่มอาชญากรเองก็มีความพยายามปรับเปลี่ยนกลยุทธ์และ ย้ายฐานปฏิบัติการไปยังพื้นที่อื่นที่มีการกำกับดูแลที่หย่อนยานกว่า หรือพัฒนารูปแบบการหลอกลวงใหม่ ๆ ทำให้การปราบปรามต้องปรับตัวตามไปด้วย และความซับซ้อนในเชิงพื้นที่ ที่กลุ่มทุนจีนเทาในพื้นที่ชายแดน โดยเฉพาะพื้นที่ชายแดนที่มีกลุ่มชาติพันธุ์และอำนาจควบคุมของรัฐบาล ก็ทำให้การบังคับใช้กฎหมายเป็นไปได้อย่างจำกัด
โดยรวมแล้ว การผนึกกำลังของจีนกับเมียนมา กัมพูชา และลาว ในการปราบปราม “จีนเทา” ถือเป็นย่างก้าวที่สำคัญในการจัดการกับภัยคุกคามอาชญากรรมข้ามชาติในอนุภูมิภาค แม้จะมีความท้าทายอยู่บ้าง แต่ความร่วมมือที่เพิ่มขึ้นนี้จะช่วยสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืนในอนุภูมิภาคนี้ และการที่จีนให้ความสำคัญและทุ่มเททรัพยากรเพื่อจัดการกับปัญหานี้ สะท้อนให้เห็นว่านี่ไม่ใช่เพียงแค่การปราบปรามอาชญากรรมทั่วไป แต่เป็นการปกป้องผลประโยชน์ของชาติและพลเมือง ซึ่งจะเป็นรากฐานสำคัญในการสร้างสภาพแวดล้อมที่มั่นคงและน่าเชื่อถือของจีนทั้งภายในประเทศและในเวทีระหว่างประเทศ