สำนักข่าว Reuters รายงานเมื่อ 25 ต.ค.68 ว่า สหรัฐฯ จะเริ่มใช้เทคโนโลยีจดจำใบหน้า (facial recognition) สอดส่องผู้เดินทางเข้า-ออกประเทศที่ไม่ใช่พลเมืองสหรัฐฯ ตั้งแต่ 26 ธ.ค.68 เพื่อปราบปรามการพำนักอาศัยเกินกำหนดวีซ่า และการปลอมแปลงหนังสือเดินทาง (passport fraud) ทำให้เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองสหรัฐฯ สามารถขอเข้าถึงข้อมูลชีวมิติ (biometrics) เช่น ลายนิ้วมือ หรือสารพันธุกรรม (DNA) รวมถึงใช้เทคโนโลยีจดจำใบหน้าเด็กอายุต่ำกว่า 14 ปี และผู้สูงอายุมากกว่า 79 ปี อย่างไรก็ตาม กลุ่มสังเกตการณ์ (watchdog) แสดงข้อกังวลว่ามาตรการดังกล่าวสุ่มเสี่ยงละเมิดความเป็นส่วนตัว เนื่องจากระบบจดจำใบหน้ามีแนวโน้มที่จะจำผิดได้ สอดคล้องกับรายงานของคณะกรรมาธิการสิทธิพลเมืองสหรัฐฯ (U.S. Commission on Civil Rights) ที่พบว่าผลการทดสอบความผิดพลาดในระบบจดจำใบหน้าจะมีอัตราสูงในกลุ่มคนผิวสี และชนกลุ่มน้อย
