เว็บไซต์ venturebeat.com รายงานเมื่อ 16 ส.ค.64 ว่า บริษัท Barracuda Network เผยแพร่รายงานเหตุการณ์การโจมตีด้วยมัลแวร์เรียกค่าไถ่ (Ransomware) ระหว่างเดือน ส.ค.64 – ก.ค.64 ซึ่งได้จากการวิเคราะห์เหตุการณ์โจมตีด้วยมัลแวร์เรียกค่าไถ่ 121 ครั้ง พบว่า อัตราการโจมตีด้วย Ransomware เพิ่มขึ้นร้อยละ 64 เมื่อเทียบกับห้วงเดียวกันของปี 2563 ซึ่งเป้าหมายหลักยังคงเป็นเทศบาลเมือง กลุ่มการดูแลสุขภาพ การศึกษา โครงสร้างพื้นฐาน และอื่นๆ โดยกลุ่มที่ใช้มัลแวร์เรียกค่าไถ่ REvil ทำการโจมตีมากที่สุดถึงร้อยละ 19 และลำดับ 2 คือกลุ่มที่ใช้มัลแวร์ DarkSide ที่ร้อยละ 8 นอกจากนี้ ยังพบว่าวงเงินเรียกเงินค่าไถ่ได้เพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยเฉลี่ยถึงเหตุการณ์ละ 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งมีเพียงร้อยละ 18 ของเหตุการณ์ที่มีการเรียกค่าไถ่น้อยกว่า 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และ ร้อยละ 30 ของเหตุการณ์มีการเรียกค่าไถ่มากกว่า 30 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
นอกจากนี้ ยัวพบว่าการโจมตีหน่วยงานด้านโครงสร้างพื้นฐาน การเดินทาง บริการทางการเงิน และธุรกิจอื่นๆ คิดเป็นร้อยละ 57 ของการโจมตีด้วยมัลแวร์เรียกค่าไถ่ทั้งหมด ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 18 จากเมื่อปี 2563 โดยเป็นการโจมตีโดยตรงต่อหน่วยงานด้านโครงสร้างพื้นฐานถึงร้อยละ 10 อย่างไรก็ดี ผลการศึกษาพบว่าการโจมตีมีแนวโน้มเปลี่ยนเป้าหมายไปโจมตีห่วงโซ่อุปทานซอฟต์แวร์ (supply chain attacks) ซึ่งทำให้การโจมตีเพียงครั้งเดียวสามารถส่งผลกระทบต่อธุรกิจจำนวนมากที่ใช้บริการซอฟต์แวร์ที่ถูกโจมตี