เมืองอัจฉริยะอาจตกเป็นเหยื่อของมัลแวร์เรียกค่าไถ่
ผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์เตือนว่าจะมีกลุ่มอาชญากรรมทางไซเบอร์ใช้มัลแวร์เรียกค่าไถ่จะโจมตีไปยังโครงสร้างพื้นฐานเทคโนโลยีเมืองอัจริยะ (Smart City) ของภาครัฐและเอกชน
ผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์เตือนว่าจะมีกลุ่มอาชญากรรมทางไซเบอร์ใช้มัลแวร์เรียกค่าไถ่จะโจมตีไปยังโครงสร้างพื้นฐานเทคโนโลยีเมืองอัจริยะ (Smart City) ของภาครัฐและเอกชน
ริษัท Liquid ซึ่งเป็นบริษัทแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลของญี่ปุ่นที่ใหญ่ติด 20 อันดับแรกของโลกตามปริมาณการซื้อขายรายวันตามข้อมูลของ CoinMarketCap ถูกแฮ็กเกอร์โจมตี โดยคาดว่าถูกขโมยเงินประมาณ 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
นักวิจัยบริษัท Abnormal Security ได้ค้นพบวิธีการเรียกค่าไถ่ผ่านอีเมลที่มีเนื้อหาแนวชักจูงหรือเชิญชวนให้พนักงานบริษัทติดตั้งโปรแกรมชื่อว่า DemonWare เมื่อติดตั้งสำเร็จจะได้รับเงินเป็นจำนวน 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในรูปแบบสกุลเงิน Bitcoin
บริษัท Barracuda Network เผยแพร่รายงานเหตุการณ์การโจมตีด้วยมัลแวร์เรียกค่าไถ่ (Ransomware) ระหว่างเดือน ส.ค.64 – ก.ค.64 ซึ่งได้จากการวิเคราะห์เหตุการณ์โจมตีด้วยมัลแวร์เรียกค่าไถ่
นักวิจัยภัยคุกคามด้านความปลอดภัยของบริษัทไมโครซอฟต์ ระบุ พบมัลแวร์ Mozi botnet ที่เคยแพร่กระจายในกลุ่มอุปกรณ์ IoT (Internet of Things) เมื่อปี 2562 กลับมามีความสามารถเพิ่มขึ้นจากการพัฒนาของนักโจมตีด้านไซเบอร์
หน่วยงานด้านสาธารณะสุขของสหรัฐ ฯ 2 หน่วยงานถูกมัลแวร์เรียกค่าไถ่ข้อมูลโจมตีระบบทะเบียนสุขภาพอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Health Record – EHR) ของสถาบันสุขภาพ Sanford Health ในรัฐเซาท์ดาโคตา ผู้ให้บริการระบบสาธารณสุขขนาดใหญ่ของสหรัฐ ฯ และโรงพยาบาล Eskenazi Health
บริษัท Group-BI องค์กรเชี่ยวชาญด้านการสืบสวนและป้องกันอาชญากรรมทางไซเบอร์ที่มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในสิงคโปร์ ระบุ พบมัลแวร์ที่ใช้เพื่อการจารกรรมข้อมูลและขโมยเอกสารลับจากสำนักบริหารรัฐบาลกลางรัสเซียได้จากการตรวจสอบตัวอย่างไวรัสคอมพิวเตอร์ชื่อ Webdav-O
สำนักข่าว BBC และ CNBC รายงานเมื่อ 10 ส.ค. 64 ว่า กลุ่มแฮกเกอร์ได้อาศัยช่องโหว่เพื่อเจาะระบบของบริษัท Poly Network ซึ่งให้บริการด้านสินทรัพย์ดิจิทัลและการเงินแบบไม่รวมศูนย์ (decentralised finace :DeFi) และสามารถขโมยเงินดิจิทัลหลายสกุลมูลค่ารวมกว่า 610 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
กลุ่มแฮกเกอร์ได้เผยแพร่ข้อมูลบัตรเครดิตจำนวน 1 ล้านใบ เพื่อประชาสัมพันธ์เว็บไซต์ใต้ดินชื่อว่า AllWorld.Cards ซึ่งมุ่งให้บริการแก่กลุ่มแฮกเกอร์ โดยข้อมูลที่เผยแพร่ได้ระบุเวลาที่บัตรเครดิตถูกขโมยมา ระหว่างปี 2562ถึง 2563 ประกอบด้วย หมายเลขบัตรเครดิต, วันหมดอายุ, CVV, ชื่อ, ประเทศ, รัฐ, เมือง, ที่อยู่, รหัสไปรษณีย์, อีเมลและหมายเลขโทรศัพท์
นักวิจัยของบริษัท SentinelOne ที่ให้บริการด้านการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ของสหรัฐฯ และบริษัท Amnpardaz ที่พัฒนาซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสในอิหร่าน ระบุ หลังร่วมตรวจสอบร่องรอยหลักฐานทางดิจิทัลภายใต้โครงการ MeteorExpress