AI เริ่มถูกใช้เขียนโค้ดโปรแกรมแทนนักพัฒนามากขึ้น
ผู้บริหารบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ของสหรัฐฯ ระบุว่าปัญญาประดิษฐ์ (AI) มีส่วนอย่างมากในการช่วยพัฒนาซอฟต์แวร์ของบริษัท โดยในงานสัมมนา LlamaCon 2025 สำหรับนักพัฒนา AI ซึ่งจัดขึ้นโดยบริษัท Meta
ผู้บริหารบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ของสหรัฐฯ ระบุว่าปัญญาประดิษฐ์ (AI) มีส่วนอย่างมากในการช่วยพัฒนาซอฟต์แวร์ของบริษัท โดยในงานสัมมนา LlamaCon 2025 สำหรับนักพัฒนา AI ซึ่งจัดขึ้นโดยบริษัท Meta
Damo Academy หน่วยงานวิจัยของ Alibaba Group Holding ของจีน ได้เปิดตัวเครื่องมือ Damo Panda ที่พัฒนาโดยการใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในการวิเคราะห์ตรวจจับและได้รับการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (FDA)
ในปี 2568 หลายบริษัทเริ่มนำโครงการ AI มาใช้งานภายในองค์กร ซึ่งอาจทำให้พนักงานทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น อย่างไรก็ตาม หากดำเนินโครงการไม่ดีเพียงพอจะทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานลดลงและขัดขวางการทำงานแทน
บริษัทแอปเปิ้ล (Apple) ของสหรัฐฯ เตรียมย้ายฐานการผลิตโทรศัพท์ไอโฟนที่ใช้สำหรับการจำหน่ายในสหรัฐฯ ทั้งหมดไปยังอินเดียภายในปี 2569 โดยปัจจุบันโทรศัพท์ไอโฟนส่วนใหญ่ยังคงผลิตภายในจีน
ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ได้รับการพัฒนาอย่างรวดเร็วและสามารถทำงานบางอย่างแทนมนุษย์ได้ อย่างไรก็ตาม AI ก็ยังไม่สามารถเทียบกับมนุษย์ได้ เนื่องจาก AI ยังไม่เข้าใจการปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์
ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่มีความสามารถในการตัดสินใจด้วยตนเอง หรือ “Agentic AI” อาจเป็นจุดเปลี่ยนอย่างมีนัยสำคัญสำหรับศูนย์ปฏิบัติการความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ (Security Operations Centers – SOC) ซึ่งต้องเผชิญทั้งผู้ไม่หวังดีจากภายนอกและความยุ่งยากภายในระบบของตนเอง
ตามที่บทความวิจัยของมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย แซนดีเอโก (UCSD) เกี่ยวกับการทดสอบแบบจำลองภาษาขนาดใหญ่ (LLMs) เช่น Chat GPT-4o GPT-4.5 จากบริษัท OpenAI และ LLaMa-3.1-405B จากบริษัท Meta ด้วยแบบทดสอบ Turing Test*
นักวิจัยจากบริษัท Sakana AI ประเทศญี่ปุ่น พบว่า AI พยายามข้ามข้อจำกัดที่ถูกตั้งโปรแกรมไว้ โดย AI ดังกล่าวชื่อว่า “นักวิทยาศาสตร์ A I (The AI Scientist)” มีหน้าที่ดำเนินการทดลองอัตโนมัติโดยพึ่งพามนุษย์ให้น้อยที่สุด สามารถสร้างการวิจัย เขียนคำสั่งโปรแกรมที่ใช้งานได้ ดำเนินการทดลอง และจัดทำรายงานทางวิทยาศาสตร์
การประกาศมาตรการภาษีของสหรัฐฯ ของรัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ส่งผลกระทบให้ต่อความเชื่อมั่นด้านการใช้งานโครงสร้างพื้นฐานระบบคลาวด์ของยุโรป ซึ่งปัจจุบันผู้ให้บริการคลาวด์ (Cloud) ส่วนใหญ่มากกว่าร้อยละ 50 เป็นของสหรัฐฯ เช่น Amazon Web Services (AWS)
สำนักงานความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ (NSA) สำนักงานสอบสวนกลาง (FBI) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจากแคนาดา ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ออกแจ้งเตือนเมื่อ 3 เม.ย.68 ว่า กลุ่มแฮ็กเกอร์ ใช้เทคนิค fast flux เพื่อโจมตีต่อโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญและความมั่นคงของชาติ