สาธารณรัฐอิสลามอัฟกานิสถาน
Islamic Republic of Afghanistan
สาธารณรัฐอิสลามอัฟกานิสถาน
Islamic Republic of Afghanistan
เมืองหลวง คาบูล
ที่ตั้ง ภูมิภาคเอเชียใต้ ค่อนไปทางเอเชียกลาง บริเวณเส้นละติจูดที่ 33 องศาเหนือ เส้นลองจิจูดที่ 65 องศาตะวันออก มีพื้นที่ประมาณ 652,230 ตร.กม. ไม่มีทางออกทะเล เป็นจุดเชื่อมต่อเอเชียตะวันออก เอเชียใต้ และเอเชียกลาง ทำให้มีความสำคัญในทางภูมิรัฐศาสตร์ และได้รับความสนใจจากประเทศมหาอำนาจมาโดยตลอด
อาณาเขต ความยาวของเส้นพรมแดนทั้งหมด 5,987 กม.
ทิศเหนือ ติดกับทาจิกิสถาน (1,357 กม.) เติร์กเมนิสถาน (804 กม.) และอุซเบกิสถาน (144 กม.)
ทิศใต้ และตะวันออก ติดกับปากีสถาน (2,670 กม.)
ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ติดกับจีน (91 กม.)
ทิศตะวันตก ติดกับอิหร่าน (921 กม.)
ภูมิประเทศ ส่วนใหญ่เป็นภูเขาและที่ราบสูง มีที่ราบอยู่ทางเหนือและตะวันตกเฉียงใต้ แหล่งน้ำธรรมชาติ
มีจำกัด ส่วนใหญ่รับน้ำจากแหล่งน้ำที่มีต้นทางในประเทศเพื่อนบ้าน รวมทั้งน้ำที่เกิดจากหิมะละลาย การขาดการพัฒนาระบบชลประทานทำให้ไม่สามารถกระจายน้ำไปยังพื้นที่ต่าง ๆ และส่งผลให้อัฟกานิสถานต้องประสบปัญหาภัยแล้ง
วันชาติ 19 ส.ค. (ได้รับเอกราชจากสหราชอาณาจักรเมื่อปี 2462)
นาย Muhammad Hassan Akhund
Mullah Muhammad Hassan Akhund
(รักษาการ นายกรัฐมนตรี)
ประชากร 40,167,798 คน (พ.ย. 2564) ประกอบด้วยเชื้อสายประกอบด้วยเชื้อสายปัชตุนหรือปาทาน 42% ทาจิก 27% ฮาซารา 9% อุซเบก 9% ไอมัก 4% และอื่น ๆ 4% อัตราส่วนประชากรจำแนกตามอายุ : วัยเด็ก (0-14 ปี) 41.82% วัยรุ่นถึงวัยกลางคน (15-64 ปี) 55.53% วัยชรา (65 ปีขึ้นไป) 2.65% อายุขัยเฉลี่ยของประชากร 65.98 ปี ชาย 64.5 ปี หญิง 67.6 ปี อัตราการเกิด 37.5 คนต่อประชากร 1,000 คน อัตราการตาย 13.2 คนต่อประชากร 1,000 คน อัตราการเพิ่มของประชากร 2.37%
การก่อตั้งประเทศ อัฟกานิสถานตั้งขึ้นจากการเข้าไปยึดครองพื้นที่ของชนเผ่าปาทานเมื่อศตวรรษที่ 18 โดยจัดตั้งราชวงศ์ปกครอง มีศูนย์กลางอยู่ที่เมืองกันดาฮาร์ก่อนจะย้ายไปยังคาบูลในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 อัฟกานิสถานกลายเป็นรัฐกันชนในการแข่งขันอิทธิพลระหว่างสหราชอาณาจักรกับสหภาพโซเวียตก่อนได้รับเอกราชจากสหราชอาณาจักรเมื่อ 19 ส.ค.2462 มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขภายใต้รัฐบาล จนกระทั่งการยึดอำนาจปกครองเมื่อปี 2516
ต่อมา สหภาพโซเวียตเข้ายึดครองอัฟกานิสถานเมื่อปี 2522 ทำให้เกิดขบวนการมุญาฮิดีน ต่อต้านสหภาพโซเวียต โดยการสนับสนุนของสหรัฐฯ และปากีสถาน ทำให้สหภาพโซเวียตถอนทหารออกไป
เมื่อปี 2532 แต่อัฟกานิสถานยังประสบปัญหาสงครามกลางเมืองเนื่องจากการแย่งชิงอำนาจทางการเมืองระหว่างกลุ่มต่าง ๆ จนกระทั่งกลุ่มตอลิบันซึ่งเป็นกลุ่มนักศึกษาหัวรุนแรงที่ได้รับการศึกษาจากโรงเรียนสอนศาสนาในปากีสถานสามารถยึดครองคาบูล และขึ้นปกครองประเทศเมื่อปี 2539 ก่อนจะถูกโค่นล้มจากการทำสงครามต่อต้านการก่อการร้ายของสหรัฐฯ เมื่อปี 2544 และเป็นการเริ่มต้นการเมืองตามระบอบประชาธิปไตยครั้งใหม่ในอัฟกานิสถาน โดยได้รับการสนับสนุนจากประเทศตะวันตกทั้งทางการเมือง เศรษฐกิจ และการทหาร
การเมือง ปกครองแบบรัฐอิสลาม (Islamic Emirate) คล้ายคลึงกับโครงสร้างสายการบังคับบัญชาของกลุ่มตอลิบัน รวมอำนาจไว้ที่รัฐบาลกลาง มีนายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้าฝ่ายบริหาร ส่วนการปกครองท้องถิ่นแบ่งเขตการปกครองเป็น 34 จังหวัด
ฝ่ายบริหาร : นายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้าฝ่ายบริหาร มีรองนายกรัฐมตรี 2 คน (ยังไม่กำหนดวาระการดำรงตำแหน่ง) มีคณะรัฐมนตรีจำนวน 33 คน ทั้งหมดเป็นสมาชิกกลุ่มตอลิบัน
ฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่ายตุลาการ : รัฐบาลตอลิบันยกเลิกระบบการปกครองแบบรัฐสภาและใช้กฎหมายอิสลาม(ชาริอะฮ์) ปกครองประเทศ โดยรัฐบาลตอลิบันแต่งตั้ง Molavi Abdul Hakim Sharae ให้ดำรงตำแหน่ง รมว.กระทรวงยุติธรรม ซึ่งทำหน้าที่ออกกฎหมายโดยใช้หลักกฎหมายอิสลาม รวมทั้งแต่งตั้ง ผู้พิพากษาพิจารณาคดีความตามหลักกฎหมายอิสลาม นอกจากนี้ รัฐบาลตอลิบันให้เจ้าหน้าที่เรือนจำซึ่งเคยปฏิบัติหน้าที่ในช่วงรัฐบาลประชาธิปไตยทำงานต่อไปร่วมกับผู้แทนของกลุ่มตอลิบัน
พรรคการเมือง : ยังไม่มีความเคลื่อนไหวของพรรคการเมืองหลังจากกลุ่มตอลิบันยึดอำนาจการปกครองและแต่งตั้งคณะรัฐบาลบริหารประเทศ
เศรษฐกิจ อัฟกานิสถานประสบปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจตั้งแต่ปี 2544 หลังจากสหรัฐฯ และชาติพันธมิตรโค่นล้มรัฐบาลตอลิบันในขณะนั้น เนื่องจากเกิดการสู้รบระหว่างกลุ่มตอลิบันกับรัฐบาลประชาธิปไตยที่สหรัฐฯ สนับสนุน นอกจากนี้ อัฟกานิสถานยังเป็นแหล่งซ่องสุมของกลุ่มก่อการร้าย กลุ่มหัวรุนแรง กลุ่มติดอาวุธต่างๆ จำนวนมาก ทำให้เกิดความไม่สงบอย่างต่อเนื่อง รัฐบาลประชาธิปไตยไม่สามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจได้ เนื่องจากต้องเผชิญกับปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง ปัญหาการทุจริต และภัยจากการก่อความไม่สงบ การก่อการร้ายซึ่งยังเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ โดยเฉพาะต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน ส่งผลให้ชาวอัฟกันส่วนใหญ่ยังมีฐานะยากจน ขาดแคลนสาธารณูปโภคพื้นฐาน เช่น ที่อยู่อาศัย น้ำสะอาด ไฟฟ้า การเข้าถึงการบริการสาธารณสุข
ชาวอัฟกันส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม โดยอัฟกานิสถานมีรายได้จากการส่งออกสินค้าเกษตรเพียงเล็กน้อย ทำให้ต้องพึ่งพางบประมาณจากสหรัฐฯ และประเทศผู้บริจาค 80% ของงบประมาณทั้งหมด อย่างไรก็ตาม หลังการยึดอำนาจของกลุ่มตอลิบันเมื่อ 15 ส.ค.64 สหรัฐฯ ได้อายัดทรัพย์สินของธนาคารกลางอัฟกานิสถานจำนวน 9,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) และธนาคารโลก ระงับการเข้าถึงแหล่งเงินกู้ของอัฟกานิสถาน ทำให้รัฐบาลตอลิบันประสบปัญหาขาดแคลนงบประมาณเพื่อบริหารประเทศ ทั้งการจ่ายเงินค่าตอบแทนเจ้าหน้าที่และการดูแลประชาชน
ปีงบประมาณ 21 ธ.ค.-20 ธ.ค.
สกุลเงิน ตัวย่อสกุลเงิน : อัฟกานี (Afghani/AFN)
อัตราแลกเปลี่ยนต่อดอลลาร์สหรัฐ : 1 ดอลลาร์สหรัฐ : 90.90 อัฟกานี
อัตราแลกเปลี่ยนต่อบาท : 1 บาท : 2.77 อัฟกานี (ต.ค. 2564)
ดัชนีเศรษฐกิจสำคัญ (ปี 2564)
ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) : 18,630 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ : – 5%
รายได้เฉลี่ยต่อหัวต่อปี : 565 ดอลลาร์สหรัฐ
แรงงาน : 11,082,536 คน
อัตราการว่างงาน : 11.164%
อัตราเงินเฟ้อ : 4.71%
ผลผลิตทางการเกษตร : ฝิ่น ข้าวสาลี ผลไม้ ถั่ว ขนสัตว์ เนื้อแกะ และหนังแกะ
ผลผลิตอุตสาหกรรม : สิ่งทอ สบู่ เฟอร์นิเจอร์ รองเท้า ปุ๋ย เสื้อผ้า อาหาร เครื่องดื่มที่ไม่ใช่แอลกอฮอล์ น้ำแร่ ซีเมนต์ พรมทอมือ ก๊าซธรรมชาติ ถ่านหิน และทองแดง
ดุลบัญชีเดินสะพัด : ขาดดุล 517.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ดุลการค้าระหว่างประเทศ : ขาดดุล 6,368 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
มูลค่าการส่งออก : 1,050 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
สินค้าส่งออก : ฝิ่น ผลไม้ ถั่ว พรมทอมือ ผ้าขนสัตว์ ผ้าฝ้าย หนังสัตว์ อัญมณี และยาสมุนไพร
คู่ค้าสำคัญ : อินเดีย และปากีสถาน
มูลค่าการนำเข้า : 8,932 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
สินค้านำเข้า : เครื่องจักรและอุปกรณ์ อาหาร สิ่งทอ และผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม
คู่ค้าสำคัญ : จีน อิหร่าน ปากีสถาน คาซัคสถาน อุซเบกิสถาน และมาเลเซีย
ทรัพยากรธรรมชาติ : ก๊าซธรรมชาติ ปิโตรเลียม ถ่านหิน ทองแดง ตะกั่ว สังกะสี เหล็กกล้า และอัญมณี
การทหาร รัฐบาลตอลิบันแต่งตั้งนาย Mohammad Yaqoob ดำรงตำแหน่ง รักษาการ รมว.กระทรวงกลาโหม เมื่อ 7 ก.ย.2564 โดยสมาชิกตอลิบันบางส่วนทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยตามสถานที่สำคัญต่าง ๆ ทั้งในเมืองหลวงและเมืองสำคัญทั่วประเทศ ทั้งนี้ รัฐบาลตอลิบันมีแผนจะรับทหารประจำการจำนวน 150,000 นาย โดยเปิดโอกาสให้อดีตทหารประจำการในช่วงรัฐบาลประชาธิปไตยสมัครคัดเลือกด้วย
ปัญหาด้านความมั่นคง
ความสัมพันธ์ไทย-อัฟกานิสถาน
ไทยฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการทูตกับอัฟกานิสถานหลังการโค่นล้มกลุ่มตอลิบันเมื่อปี 2544 หลังจากที่เคยยุติความสัมพันธ์ทางการทูตในช่วงที่สหภาพโซเวียตยึดครองอัฟกานิสถานเมื่อปี 2522 โดยดำเนินความสัมพันธ์ผ่านเวทีการเมืองระหว่างประเทศ และการให้ความช่วยเหลือระดับทวิภาคี เช่น ความช่วยเหลือเพื่อการบรรเทาทุกข์ การจัดการ-ฝึกอบรม และการแก้ไขปัญหายาเสพติดด้วยการส่งเสริมการปลูกพืชทดแทน นอกจากนี้ ไทยยังเคยส่งทหารช่างไปช่วยซ่อมแซมสนามบินบากรัมของอัฟกานิสถาน เพื่อสนับสนุนการฟื้นฟูบูรณะและให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมระหว่าง เม.ย.-ก.ย.2546 สำหรับความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างไทยกับอัฟกานิสถานยังมีไม่มาก เนื่องจากความไม่พร้อมของอัฟกานิสถาน ปัจจุบัน ยังไม่มี สอท.ไทยในอัฟกานิสถาน แต่ได้แต่งตั้งให้ สอท.ไทยในปากีสถาน มีเขตอาณาครอบคลุมถึงอัฟกานิสถาน และให้ ออท.ไทย/ปากีสถาน ดำรงตำแหน่ง ออท.ไทย/อัฟกานิสถาน ด้วย ขณะที่อัฟกานิสถานแต่งตั้งให้ ออท.อัฟกานิสถาน/ญี่ปุ่น เป็น ออท.อัฟกานิสถาน/ไทย ด้วยอีกตำแหน่ง
อัฟกานิสถานเป็นคู่ค้าลำดับที่ 163 ของไทยเมื่อปี 2561 และเป็นคู่ค้าอันดับที่ 8 ของไทย ในภูมิภาคเอเชียใต้รองจากอินเดีย ปากีสถาน บังกลาเทศ ศรีลังกา มัลดีฟส์ เนปาล และภูฏาน ส่วนการค้าระหว่างประเทศของไทยกับอัฟกานิสถานเมื่อปี 2561 มีมูลค่า 15 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (หรือ 627.3 ล้านบาท) ลดลง 23.53% โดยไทยได้เปรียบดุลการค้า 20.02 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับสินค้าที่ไทยส่งออกไปอัฟกานิสถาน ได้แก่ หม้อแบตเตอรี่และส่วนประกอบ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์ยาง เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ น้ำมันสำเร็จรูป อัญมณีและเครื่องประดับ เป็นต้น ส่วนสินค้าที่ไทยนำเข้าจากอัฟกานิสถาน ได้แก่ เครื่องเพชรพลอย อัญมณี เงินแท่งและทองคำ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เครื่องประดับอัญมณี เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ เครื่องใช้เบ็ดเตล็ด เป็นต้น
ทั้งนี้ อัฟกานิสถานยังไม่มีโครงการลงทุนที่ขอรับการส่งเสริมจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) และยังไม่มีโครงการร่วมลงทุนของไทยในอัฟกานิสถาน ขณะที่ยังไม่มีคนไทยเดินทางไปอัฟกานิสถาน รวมถึงไม่ปรากฏข้อมูลคนไทยในอัฟกานิสถาน ซึ่งคาดว่ามีคนไทยน้อยมากหรือไม่มีเลย
สถานการณ์สำคัญที่น่าติดตาม
กลุ่มตอลิบันยึดอำนาจจากรัฐบาลอัฟกานิสถานเมื่อ 15 ส.ค.2564 และประกาศแต่งตั้งรัฐบาลชั่วคราวบริหารประเทศเมื่อ 7 ก.ย.2564 อย่างไรก็ตามหลังจากประกาศจัดตั้งรัฐบาล ยังไม่มีประเทศใดรับรองสถานะรัฐบาลของกลุ่มตอลิบัน นอกจากนี้ สหรัฐฯ ประกาศอายัดทรัพย์สินของอัฟกานิสถานจำนวน 9,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ IMF และ World Bank ระงับการเข้าถึงเงินกู้ทำให้รัฐบาลตอลิบันประสบปัญหาการบริหารประเทศ ขาดเงินงบประมาณเพื่อจ่ายค่าจ้างเจ้าหน้าที่และใช้จ่ายสำหรับดูแลประชาชน
อย่างไรก็ตาม สหรัฐฯ องค์การสหประชาชาติ (UN) และองค์กรด้านสิทธิมนุษยชนยังคงให้ความช่วยเหลือแก่ชาวอัฟกานิสถานตามหลักสิทธิมนุษยชนต่อไป ทั้งนี้ อัฟกานิสถานภายใต้การบริหารของรัฐบาลตอลิบันต้องเผชิญความท้าทายหลายด้านเฉพาะอย่างยิ่งด้านเศรษฐกิจ และการแก้ไขปัญหาความ ไม่สงบในประเทศจากกลุ่มก่อการร้าย Islamic State Khorasan Province (ISKP) ที่เป็นศัตรูสำคัญของ กลุ่มตอลิบัน และก่อเหตุโจมตีบ่อยครั้งตั้งแต่กลุ่มตอลิบันประกาศจัดตั้งรัฐบาลบริหารประเทศ
การบริหารประเทศของรัฐบาลตอลิบันภายใต้การปกครองแบบรัฐอิสลามโดยใช้หลักฎหมายอิสลามบริหารประเทศอีกครั้งของกลุ่มตอลิบัน ทำให้ประชาคมระหว่างประเทศจับตามองอย่างมาก เนื่องจากในอดีต (ห้วงปี 2539-2544) กลุ่มตอลิบันปกครองอัฟกานิสถานแบบแนวคิดสุดโต่ง มีการละเมิดสิทธิมนุษยชน ประชาชนอย่างรุนแรง เฉพาะอย่างยิ่งสตรีและเยาวชน รวมทั้งชนกลุ่มน้อยต่าง ๆ ทั้งนี้ หลังการประกาศจัดตั้งคณะรัฐบาลบริหารประเทศ กลุ่มตอลิบันประกาศจะปรับเปลี่ยนการบริหารประเทศให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบัน โดยจะเคารพสิทธิสตรี เยาวชนและชนกลุ่มน้อยเพิ่มขึ้น เพื่อสร้างการยอมรับจากประชาชนและประชาคมระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นประเด็นที่ประชาคมระหว่างประเทศให้ความสำคัญและจับตามองอย่างใกล้ชิด ปัจจุบันยังไม่มีประเทศใดรับรองสถานะรัฐบาลของกลุ่มตอลิบันอย่างเป็นทางการ