เมืองหลวง อังการา
ที่ตั้ง อยู่บนคาบสมุทรบอลข่าน ทางตะวันออกเฉียงใต้ของทวีปยุโรป และทางตะวันตกเฉียงใต้ของทวีปเอเชีย ดินแดนมีรูปร่างคล้ายสี่เหลี่ยมผืนผ้า ความยาวมากกว่า 1,600 กม. และกว้าง 800 กม. พื้นที่ 783,562 ตร.กม. (รวมทะเลสาบและเกาะ) ชายฝั่งทะเลยาว 7,200 กม.
อาณาเขต
ทิศเหนือ ติดกับทะเลดำ
ทิศตะวันออก ติดกับจอร์เจีย อาร์เมเนีย อาเซอร์ไบจาน และอิหร่าน
ทิศใต้ ติดกับอิรัก ซีเรีย และทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
ทิศตะวันตก ติดกับกรีซ บัลแกเรีย และทะเลอีเจียน
ภูมิประเทศ ตุรกีเป็นประเทศสองทวีป อยู่ในทวีปเอเชียและยุโรป มีสภาพภูมิประเทศหลากหลาย ฝั่งเอเชียครอบคลุม 97% ของคาบสมุทรอนาโตเลีย ตอนกลางของประเทศเป็นที่ราบสูง ทางตะวันออกเป็นภูเขา และเป็นต้นน้ำของแม่น้ำสำคัญหลายสาย เช่น ไทกริสยูเฟรตีส และอารัส โดยมียอดเขาอารารัตซึ่งเป็นจุดสูงสุด 5,165 ม. ส่วนฝั่งยุโรป ตั้งอยู่บนคาบสมุทรบอลข่าน (3%) มีทะเลล้อม 3 ด้าน ได้แก่ ทะเลอีเจียนทางตะวันตก ทะเลดำทางเหนือ และทะเลเมดิเตอร์เรเนียนทางใต้ รวมถึงทะเลมาร์มะราในเขตตะวันตกเฉียงเหนือ ตุรกีตั้งอยู่ในจุดยุทธศาสตร์การค้าสำคัญ เป็นประตูสู่ 4 อนุภูมิภาค ได้แก่ ตะวันออกกลาง แอฟริกาตอนเหนือ สหภาพยุโรป และยุโรปตะวันออก
วันชาติ 29 ต.ค.
Recep Tayyip Erdoğan
(ประธานาธิบดีตุรกี)
ประชากร 84,339,067 คน (ปี 2563) เพิ่มขึ้น 1.09% เป็นชาวเติร์ก 70-75% เคิร์ด 19% อื่น ๆ 7-12% อัตราส่วนประชากรจำแนกตามอายุ : วัยเด็ก (0-14 ปี) 23.94% วัยรุ่นถึงวัยกลางคน (15-64 ปี) 67.07% และวัยชรา (65 ปีขึ้นไป) 8.98% อัตราการเกิด 15.5 คน ต่อ 1,000 คน อัตราการตาย 5.5 คน ต่อ 1,000 คน อายุขัยเฉลี่ย 78.5 ปี เพศชาย 75.6 ปี เพศหญิง 81.2 ปี
การก่อตั้งประเทศ
หลังสิ้นสุดจักรวรรดิออตโตมันเมื่อปี 2466 (สุลต่านมะห์มัดที่ 6 เป็นสุลต่านพระองค์สุดท้าย) นายมุสตาฟา เคมาล อตาเติร์ก ผู้นำขบวนการแห่งชาติตุรกีในสงครามประกาศเอกราชตุรกี เอาชนะกองทหารของฝ่ายไตรภาคี และนำไปสู่การปลดปล่อยประเทศ และการก่อตั้งสาธารณรัฐตุรกีเมื่อ 29 ต.ค.2466 โดยนายมุสตาฟาเป็นประธานาธิบดีคนแรก และได้เปลี่ยนแปลงประเทศจากจักรวรรดิออตโตมัน เป็นรัฐชาติสมัยใหม่ที่เป็นประชาธิปไตยและไม่อิงศาสนา
การเมือง เป็นสาธารณรัฐที่แยกศาสนาออกจากการเมือง (secular state) ตุรกีเป็นประเทศที่มีความเป็นประชาธิปไตยมากที่สุด เมื่อเทียบกับประเทศมุสลิมอื่น ๆ ในตะวันออกกลาง มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญเมื่อปี 2560 เปลี่ยนแปลงรูปแบบการปกครองแบบรัฐสภาในระบอบประชาธิปไตย เป็นระบอบประธานาธิบดี ซึ่งประธานาธิบดีเป็นผู้มีอำนาจสูงสุด มาจากการเลือกตั้งโดยตรง 2 รอบ ในกรณีที่ไม่มีผู้ได้รับเลือกด้วยคะแนนเกินกว่า 50% มีวาระ 5 ปี ดำรงตำแหน่งได้ 2 สมัยติดต่อกัน โดยยกเลิกตำแหน่ง นรม.
ปัจจุบัน นาย Recep Tayyip Erdoğan ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี โดยชนะการเลือกตั้งเมื่อ 24 มิ.ย. 2561 เข้าดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีตุรกีคนแรกภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่
ฝ่ายบริหาร : ประธานาธิบดีตุรกีมีอำนาจในการบริหารในฐานะประมุขและหัวหน้ารัฐบาล
ฝ่ายนิติบัญญัติ : ตุรกีจัดการเลือกตั้งรัฐสภาภายใต้ระบอบประธานาธิบดีเป็นครั้งแรกเมื่อ 24 มิ.ย. 2561 มีการปรับเพิ่มจำนวนสภาแห่งชาติ (Grand National Assembly) จาก 550 คน เป็น 600 คน และกำหนดวาระการดำรงตำแหน่งจาก 4 ปี เป็น 5 ปี เพื่อให้สอดคล้องกับการเลือกตั้งและวาระการดำรงตำแหน่งของประธานาธิบดี ส่วนการเลือกตั้งทั่วไปครั้งต่อไปจะจัดขึ้นพร้อมกับการเลือกตั้งประธานาธิบดีในปี 2566
พรรคการเมือง : พรรคที่สำคัญคือ 1) พรรค Justice and Development (AK) 2) พรรค Nationalist Movement Party (MHP) แนวชาตินิยม 3) พรรค Republican People’s Party (CHP) 4) พรรค İYİ Party 5) Felicity Party และ 6) พรรค Peoples’ Democratic Party (HDP) พรรคของชาวเคิร์ด
ฝ่ายตุลาการ : ประกอบด้วย 1) ศาลยุติธรรมทั่วไปทำหน้าที่เช่นเดียวกับศาลชั้นต้นจะมีอยู่ในทุกเมือง 2) ศาลอุทธรณ์สำหรับคดีอาญาและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาสำหรับอุทธรณ์คดีด้านการปกครองหรือคดีภาครัฐ และ 3) ศาลสูงสุดทำหน้าที่เช่นเดียวกับศาลฎีกา
เศรษฐกิจ โครงสร้างด้านเศรษฐกิจของตุรกีเน้นรายได้จากการผลิตเพื่อส่งออกและการท่องเที่ยวเป็นหลัก โดยให้ความสำคัญกับตลาดต่างประเทศ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านสุขภาพ การวิจัยและพัฒนาด้านการตลาดและผลิตภัณฑ์ให้เป็นที่ยอมรับของตลาดต่างประเทศ และสร้างความเชื่อมั่นเพื่อดึงดูดนักลงทุนจากต่างประเทศ เพื่อลดผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจของตุรกีจะขยายตัวที่ 4.8% ในปี 2564 แม้อัตราเงินเฟ้อยังสูงเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ
สกุลเงิน ตัวย่อสกุลเงิน : ลีราตุรกี (TRY)
อัตราแลกเปลี่ยนต่อดอลลาร์สหรัฐ : 1 ลีราตุรกี : 0.10 ดอลลาร์สหรัฐ
อัตราแลกเปลี่ยนต่อบาท : 1 ลีราตุรกี : 3.39 บาท (ต.ค. 2564)
ดัชนีเศรษฐกิจสำคัญ (ปี
ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) : 720,101 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ธนาคารโลก)
อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ : 1.75%
รายได้เฉลี่ยต่อหัวต่อปี : 27,780 ดอลลาร์สหรัฐ
แรงงาน : 32.31 ล้านคน
อัตราการว่างงาน : 13.11%
อัตราเงินเฟ้อ : 12.28%
มูลค่าการส่งออก : 169,657 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
สินค้าส่งออกสำคัญ : ชิ้นส่วนยานยนต์ เสื้อผ้าและสิ่งทอ อาหาร ผลิตภัณฑ์เหล็กที่ใช้ในอุตสาหกรรม และอุปกรณ์การขนส่ง
มูลค่าการนำเข้า : 219,514 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
สินค้านำเข้าสำคัญ : เครื่องจักร เคมีภัณฑ์ สินค้ากึ่งสำเร็จรูป น้ำมันและก๊าซธรรมชาติ และอุปกรณ์การขนส่ง
คู่ค้าสำคัญ : เยอรมนี สหราชอาณาจักร สหรัฐฯ อิรัก อิตาลี ฝรั่งเศส สเปน เนเธอร์แลนด์ อิสราเอล และรัสเซีย
การทหาร กองทัพตุรกี (Turkish Armed Forces-TSK) มีกำลังพลปี 2563 จำนวน 355,220 นาย ทบ. 260,200 นาย ทร. 45,000 นาย ทอ. 50,000 นาย กกล.สำรอง 378,700 นาย งบประมาณด้านการทหารเมื่อปี 2563 เท่ากับ 2.7725% ของ GDP มีการใช้จ่ายเพิ่มขึ้นจากงบประมาณด้านการทหารปี 2562 ถึง 6.5% ซึ่งเป็นผลมาจากการประจำการกองกำลังทางทหารและเพิ่มกิจกรรมทางทหารในประเทศที่เกิดสงคราม เช่น ซีเรีย อิรัก ลิเบีย การประจำการเรือรบในพื้นที่พิพาทบริเวณทะเลอีเจียนและทะเลเมดิเตอร์เรเนียน และการพัฒนาเทคโนโลยีทางการทหาร โดยมีเป้าหมายเพิ่มศักยภาพการป้องกันประเทศ การเป็นแหล่งผลิตยุทโธปกรณ์ และสร้างบทบาทนำด้านการส่งออกยุทโธปกรณ์
ปัญหาด้านความมั่นคง
- ภัยคุกคามจากการก่อการร้ายและอาชญากรรมข้ามชาติที่ใช้ตุรกีเป็นทางผ่านเพื่อเข้าสู่ทวีปยุโรป
- ภัยคุกคามจากฝ่ายต่อต้านรัฐบาล โดยเฉพาะเครือข่าย Gülen และพรรคแรงงานชาวเคิร์ด (Partiya Kakeren Kurdistan-PKK) ทางตะวันออกเฉียงใต้ของตุรกี
3) ประเด็นเรื่องการเปิดรับผู้ลี้ภัยจากภูมิภาคตะวันออกกลางและแอฟริกาที่ต้องการอพยพมายังยุโรป
4) ความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างประเทศกับมหาอำนาจหลายฝ่าย โดยเฉพาะประเทศตะวันตก เช่น สหรัฐฯ เยอรมนี ฝรั่งเศส นิวซีแลนด์ รวมถึงกลุ่มประเทศพันธมิตรกลุ่มสมาชิกองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (NATO) จากกรณีการออกแถลงการณ์เรียกร้องให้ตุรกีปล่อยตัวนักเคลื่อนไหวชาวฝรั่งเศส
ความสัมพันธ์ไทย-ตุรกี
สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตเมื่อ 12 พ.ค.2501 โดยเพิ่งฉลองความสัมพันธ์ครบรอบ 60 ปี เมื่อปี 2561 ความสัมพันธ์ระหว่างกันโดยทั่วไปเป็นไปอย่างราบรื่น โดยตุรกีให้ความสำคัญกับไทย ในฐานะประเทศหนึ่งที่มีบทบาทสำคัญในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และสนับสนุนกลุ่มอาเซียนมาโดยตลอด เนื่องจากมีความสัมพันธ์ทางการค้ากับกลุ่มประเทศมุสลิมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ อินโดนีเซีย มาเลเซีย และบรูไน และเข้าเป็นคู่เจรจาเฉพาะสาขากับอาเซียนเมื่อปี 2560 ขณะที่การเจรจาความตกลงการค้าเสรี (FTA) ระหว่างไทยกับตุรกี ครั้งที่ 7 เมื่อ เม.ย.2564 ผ่านระบบทางไกล สามารถสรุปผลการยกร่างความตกลง FTA รวม 4 บท จากทั้งหมด 14 บท เช่น บทว่าด้วยความโปร่งใส บทเรื่องการระงับข้อพิพาท ส่วนบทที่ยังไม่สามารถสรุไปได้ อาทิ บทว่าด้วยมาตรการเยียวยาทางการค้า บทว่าด้วยมาตรการที่เป็นอุปสรรคทางเทคนิดต่อการค้า บทว่าด้วยมาตรการสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช โดยที่ประชุมกำหนดเป้าหมายบรรลุการเจรจา FTA ภายในปี 2565
ความสัมพันธ์ทางด้านการค้า ตุรกีถือเป็นตลาดที่สำคัญของไทย โดยเฉพาะการเป็นเป้าหมายการขยายตลาดอาหารฮาลาลของไทยไปสู่สหภาพยุโรป (EU) เมื่อปี 2563 ตุรกีเป็นคู่ค้าอันดับที่ 35 ของไทยในตลาดโลก มีมูลค่าการค้า 41,607.67 ล้านบาท ลดลง 8.66% โดยมูลค่าการส่งออกของไทยอยู่ที่ 29,490.54 ล้านบาท มูลค่าการนำเข้า 12,117.13 ล้านบาท และได้ดุลการค้า 17,373.41 ล้านบาท สินค้าส่งออกสำคัญของไทย เช่น รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ เส้นใยประดิษฐ์ เมล็ดพลาสติก ยางพารา และผลิตภัณฑ์ยาง สินค้านำเข้าสำคัญของไทย เช่น เคมีภัณฑ์ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เสื้อผ้าสำเร็จรูป เครื่องประดับอัญมณี เครื่องยนต์สันดาปภายในแบบลูกสูบและส่วนประกอบยานยนต์
ข้อตกลงสำคัญ ได้แก่ ความตกลงทางการค้าระหว่างไทย-ตุรกี ความตกลงว่าด้วยการบริการเดินอากาศระหว่างไทย-ตุรกี ความตกลงว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราหนังสือเดินทางทูต หนังสือเดินทางราชการ และหนังสือเดินทางพิเศษ ความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจและวิชาการไทย-ตุรกี ความตกลงทางวัฒนธรรมไทย-ตุรกี ข้อตกลงระหว่าง กต.ไทยกับ กต.ตุรกี ความตกลงว่าด้วยความร่วมมือด้านสิ่งแวดล้อม ความตกลงเพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อน ความตกลงว่าด้วยความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ความตกลงเพื่อการส่งเสริมและคุ้มครองการลงทุนต่างตอบแทน บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านมาตรฐานอุตสาหกรรม ความตกลงเพื่อความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว โครงการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมอันเป็นผลมาจากความตกลงทางวัฒนธรรมไทย-ตุรกี และ Turkish-Thai Parliamentary Friendship Group of the Turkish Grand National Assembly และความตกลงเกี่ยวกับการโอนตัวผู้กระทำผิดและความร่วมมือด้านงานยุติธรรม
สถานการณ์สำคัญที่น่าติดตาม
- การรักษาเสถียรภาพทางการเมืองภายในประเทศของรัฐบาลตุรกีและคะแนนนิยมของประธานาธิบดี Recep Tayyip Erdoğan ก่อนการเลือกตั้งที่อาจจะมีขึ้นในปี 2566 ซึ่งตรงกับครบรอบ 100 ปีการก่อตั้งสาธารณรัฐตุรกียุคใหม่
- การจัดการปัญหาความมั่นคงและการก่อการร้าย เช่น การปราบปรามเครือข่าย Gülen ในต่างประเทศ ภัยคุกคามจากกลุ่มก่อการร้ายและกลุ่มหัวรุนแรงสุดโต่ง ความขัดแย้งกับกลุ่มติดอาวุธชาวเคิร์ด
- 3. การฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยว อัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น และการอ่อนค่าอย่างรุนแรงของค่าเงินลีรา
- ความสัมพันธ์ทวิภาคีกับประเทศตะวันตก เฉพาะอย่างยิ่งต่อกลุ่ม NATO จากกรณีตุรกีขับไล่ ออท.ประเทศ ตต. 10 ประเทศ ได้แก่ สหรัฐฯ เยอรมนี ฝรั่งเศส แคนาดา เดนมาร์ก ฟินแลนด์ เนเธอร์แลนด์ นิวซีแลนด์ นอร์เวย์ และสวีเดน และประกาศให้เป็นบุคคลที่ไม่พึงปรารถนา (persona non grata)
- 5. บทบาททางทหารของตุรกีที่ขยายอิทธิพลเข้าไปในพื้นที่พิพาทสำคัญของโลก เช่น ลิเบีย โซมาเลีย ซีเรีย นากอร์โน-คาราบัค
- 6. บทบาทตุรกีในด้านมนุษยธรรมระหว่างประเทศ อาทิ การเปิดรับผู้ลี้ภัย การให้ความช่วยเหลือชาวโรฮีนจา