ธนาคารโลก
World Bank (WB)
เว็บไซต์ www.worldbank.org
ที่ตั้ง วอชิงตัน ดี.ซี. สหรัฐฯ
ก่อตั้งเมื่อ 27 ธ.ค. 2488 โดยนายจอห์น เมนาร์ด เคนส์ และนายแฮร์รี่ เดกซ์เตอร์ไวท์
สมาชิก 188 ประเทศ
ประธาน นาย David Malpass นักวิเคราะห์เศรษฐกิจชาวอเมริกัน ดำรงตำแหน่งในสมัยที่ 1 เมื่อ 9 เม.ย. 2562 (วาระ 5 ปี)
ภารกิจ WB ชื่อเดิม คือ ธนาคารเพื่อการบูรณะและพัฒนาระหว่างประเทศ (International Bank for Reconstruction and Development-IBRD) ก่อตั้งเมื่อ 27 ธ.ค.2488 จากการประชุม United Nations Monetary and Financial Conference หรือ Bretton Woods Conference ที่เบรตตันวูดส์ สหรัฐฯ โดยประเทศมหาอำนาจในทวีปอเมริกาเหนือและยุโรป ซึ่งต้องการให้ WB เป็นทบวงการชำนัญพิเศษแห่งสหประชาชาติที่ให้ความช่วยเหลือประเทศกำลังพัฒนา ทั้งด้านการเงินและการให้คำปรึกษาทางวิชาการและเทคนิค รวมทั้งนำเสนอเเนวโน้มและการประเมินเศรษฐกิจโลก ประกอบด้วย 5 องค์กร ดังนี้
- ธนาคารระหว่างประเทศเพื่อการฟื้นฟูบูรณะและพัฒนา (International Bank for Reconstruction and Development-IBRD) ทำงานร่วมกับรัฐบาล เพื่อให้ความช่วยเหลือด้านการพัฒนาแก่กลุ่มประเทศกำลังพัฒนารวมถึงไทย
- สมาพันธ์การพัฒนาระหว่างประเทศ (International Development Association-IDA) ทำงานร่วมกับรัฐบาล เพื่อให้ความช่วยเหลือด้านการพัฒนาแก่กลุ่มประเทศรายได้ต่ำ เช่น ลาว มองโกเลีย และกัมพูชา
- บรรษัทการเงินระหว่างประเทศ (International Finance Corporation-IFC) ทำงานร่วมกับภาคเอกชนในโครงการพัฒนาขนาดใหญ่ อาทิ สนับสนุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ของบริษัทโซลาร์เพาเวอร์ (โคราช 1) จำกัด
- สถาบันประกันการลงทุนแบบพหุภาคี (Multilateral Investment Guarantee Agency-MIGA) ทำหน้าที่รับประกันความเสี่ยงในการลงทุนโครงการเพื่อการพัฒนาที่มีความเสี่ยงสูง อาทิ โครงการพลังงานไฟฟ้าจากน้ำเขื่อนน้ำเทิน 2 ที่ลาว
- International Centre for the Settlement of Investment Disputes (ICSID) ประสานงานเพื่อการลงทุนในประเทศที่มีความขัดแย้งรุนแรงและสงครามกลางเมือง (ไทยเป็นสมาชิกทุกองค์กร ยกเว้นองค์กรที่ 5)
WB จะเผยแพร่รายงานการคาดการณ์อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจระดับโลก ระดับภูมิภาค และระดับประเทศ ในช่วง เม.ย. และ ต.ค. ของทุกปี พร้อมกับเสนอแนะนโยบายในการบริหาร นโยบายการเงิน และจัดการเศรษฐกิจมหภาค อีกทั้งจัดการประชุมระดับผู้บริหารกับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (International Monetary Fund-IMF) โดยเชิญรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลาง นักวิชาการ ภาคธุรกิจ และภาคประชาสังคมเข้าหารือประเด็นด้านเศรษฐกิจโลกปีละ 2 ครั้ง คือ ช่วง เม.ย. และ ต.ค.
WB ให้ความช่วยเหลือทางการเงินมูลค่า ๑๖๐,๐๐๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐ นับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ผ่านโครงการ COVID-19 Fast-Track Facility เพื่อสนับสนุนเงินทุนในการจัดสรรวัคซีนให้กับประเทศรายได้ต่ำ และโครงการที่ได้รับการสนับสนุนจากธนาคารเพื่อการบูรณะและพัฒนาระหว่างประเทศ (International Bank for Reconstruction and Development-IBRD) และสมาพันธ์การพัฒนาระหว่างประเทศ (International Development Association-IDA) ในการรับมือกับโรค COVID-19 รวมถึงการปรับโครงสร้าง การปรับใช้ และการจัดสรรทรัพยากรที่มีอยู่ใหม่ นอกจากนี้ ยังอนุมัติเงินกู้ให้กับประเทศต่าง ๆ เฉพาะอย่างยิ่งประเทศรายได้ต่ำ-ปานกลาง เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นในการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ อีกทั้งเรียกร้องประเทศต่าง ๆ เร่งฉีดวัคซีน รวมถึงเรียกร้องประเทศร่ำรวยจัดสรรวัคซีนให้กับประเทศยากจนอย่างเร่งด่วน เพื่อบรรลุเป้าหมายยุติการแพร่ระบาดโรค COVID-19 ภายในสิ้นปี 2565 ซึ่งจะส่งผลให้เศรษฐกิจโลกฟื้นตัวได้เร็วขึ้น
นาย David Malpass
(ประธาน)
สมาชิก 188 ประเทศ
ก่อตั้งเมื่อ 27 ธ.ค.2488 โดยนายจอห์น เมนาร์ด เคนส์ และนายแฮร์รี่ เดกซ์เตอร์ไวท์
การคาดการณ์เศรษฐกิจ
สำหรับปี 2563 WB ประเมินว่า การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ทำให้เศรษฐกิจตกต่ำรุนแรงที่สุดในรอบ 150 ปี ซึ่งเกิดขึ้นอย่างกะทันหันและกระจายเป็นวงกว้าง และส่งผลให้ความยากจนและความเหลื่อมล้ำ ทวีความรุนแรงมากขึ้น เนื่องจากการหดตัวของเศรษฐกิจ ส่งผลให้กิจการและธุรกิจต้องปิดกิจการ เกิดการตกงานและการลดลงของรายได้ ทำให้สถานการณ์ความยากจนทั่วโลกถอยหลังไปอีก 5-10 ปี และ ทำให้ประชากรโลกกว่า 70-100 ล้านคน เข้าสู่ภาวะยากจนสุดขีด (Extreme Poverty)
WB เผยแพร่รายงาน “East Asia and Pacific Fall 2021 Economic Update” ประจำเดือนต.ค.2564 เมื่อ 27 ก.ย.2564 ปรับลดการประมาณการการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยอยู่ที่ 1% ซึ่งเป็นการปรับลดเป็นครั้งที่ 2 ของปี 2564 หลังปรับลดก่อนหน้านี้ช่วงไตรมาส 2/2564 อยู่ที่ 2.2% และเมื่อไตรมาส ที่ 1/2564 อยู่ที่ 3.4% เพราะความเสียหายและบาดแผลทางเศรษฐกิจและสังคมจากการแพร่ระบาดของ โรค COVID-19 ครั้งล่าสุด ทำให้ภาวะเศรษฐกิจไทยชะลอตัวลง อีกทั้งส่งผลกระทบต่อความเหลื่อมล้ำของไทยให้รุนแรงขึ้น และจะทำให้มีคนจนเพิ่มขึ้นกว่า 170,000 คนในปี 2564 ซ้ำเติมภาวะหนี้ครัวเรือนระดับสูงของไทยให้น่ากังวลมากขึ้น ขณะเดียวกัน มาตรการควบคุมโรคที่เคยประสบความสำเร็จในการแพร่ระบาดระลอกก่อนหน้า กลับใช้ไม่ได้ผลกับสายพันธุ์เดลตา อย่างไรก็ดี ยังคงมีปัจจัยบวกจากภาคการส่งออกที่ขยายตัวได้อย่างเข้มแข็งจากความต้องการสินค้าจากต่างประเทศที่กลับมาอย่างรวดเร็ว
WB คาดว่า เศรษฐกิจไทยต้องใช้เวลาอย่างน้อย 3 ปีในการฟื้นตัว (2564-2566) จึงจะกลับไปขยายตัวได้เท่ากับช่วงก่อนวิกฤตโรค COVID-19 ล่าช้ากว่าที่คาดก่อนหน้านี้ว่าจะใช้เวลา 2 ปี (2564-2565) เนื่องจาก 1) ไทยยังไม่สามารถบรรลุเป้าหมายการฉีดวัคซีน 70% ของประชากรในปี 2564 ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญอย่างมากต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ โดยไทยจะฉีดวัคซีนได้ 60% ภายในปี 2564 และคาดว่าจะได้ถึง 70% ที่จะช่วยลดอัตราการเจ็บป่วยรุนแรงและการเสียชีวิต พร้อมขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้กลับมาดำเนินต่อไปได้ในภายในกลางปี 2565 2) ภาคการท่องเที่ยว เครื่องจักรทางเศรษฐกิจหลักของไทยยังไม่ฟื้นตัว โดยคาดว่าทั้งปี 2564 จะมีชาวต่างชาติเดินทางมาท่องเที่ยวผ่านโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์เพียง 160,000 คน ซึ่งอุตสาหกรรมทางการท่องเที่ยวจะเดินหน้าต่อได้ ก็ต่อเมื่อไทยฉีดวัคซีนได้ 70% ในกลางปี 2565 ทั้งนี้ ในครึ่งหลังของปี 2565 WB คาดว่า จะมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเข้ามายังไทยเพียง 1.7 ล้านคน น้อยกว่าที่ไทยเคยได้รับก่อนการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ที่ 40 ล้านคน
WB ย้ำความสำคัญของการเร่งฉีดวัคซีน ซึ่งจะช่วยลดอัตราการเสียชีวิตของประชาชน เพื่อให้ประเทศต่าง ๆ ฟื้นฟูกิจกรรมทางเศรษฐกิจ และสามารถเปิดประเทศได้อีกครั้ง พร้อมกับเสนอไทยให้สร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนในการฉีดวัคซีนและเร่งการฉีดวัคซีน เพิ่มศักยภาพการตรวจหาเชื้อและติดตาม ผู้ติดเชื้อเพื่อสกัดการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 เพิ่มการผลิตวัคซีนในภูมิภาค เสริมสร้างระบบสาธารณสุขท้องถิ่นปฏิรูปการศึกษา พัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อเร่งปฏิรูปเศรษฐกิจ ซึ่งจะช่วยป้องกันการชะลอตัวของเศรษฐกิจและความไม่เท่าเทียมของไทยและภูมิภาค
WB เสนอแนะว่า การปรับเพิ่มเพดานหนี้สาธารณะของไทยเป็นสิ่งที่พึงกระทำ เพราะช่วยเพิ่มโอกาสให้รัฐบาลประคับประคองเศรษฐกิจระยะสั้นและเพิ่มการลงทุนในระยะกลางได้ ขณะที่หนี้สาธารณะของไทยยังมีความเสี่ยงต่ำ เพราะเป็นการกู้ยืมเงินในประเทศเป็นหลัก ส่วนการกู้ยืมเงินในต่างประเทศยังมีสัดส่วนค่อนข้างต่ำ อย่างไรก็ตาม รัฐบาลควรเน้นการออกมาตรการเยียวยาแบบเจาะจง เช่น กลุ่มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) มาตรการทางการเงินการคลังที่ประคับประคองกลุ่มคนยากจนและแรงงาน รวมถึงควรใช้งบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพและโปร่งใส
ความร่วมมือกับไทย
ไทยเข้าเป็นสมาชิกลำดับที่ 48 เมื่อ 3 พ.ค.2492 ได้รับเงินกู้จาก WB ครั้งแรกปี 2493 จำนวน 25 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับโครงการบูรณะรางรถไฟ โครงการปรับปรุงท่าเรือกรุงเทพฯ และโครงการพัฒนาระบบชลประทานของแม่น้ำเจ้าพระยา จากนั้นตั้งแต่ปี 2545 ความสัมพันธ์ไทย-WB ก้าวหน้ามาสู่ภาคพัฒนา การแลกเปลี่ยนความรู้ด้านการพัฒนาและการให้คำปรึกษาผ่านโครงการความร่วมมือเพื่อการพัฒนาประเทศ (Country Development Partnership-CDP)
ปัจจุบัน ไทย และ WB พัฒนาแนวทางความร่วมมือในรูปแบบ Country Partnership Strategy (CPS) ซึ่งเป็นรายงานประเมินการดำเนินงานของ WB ในการให้ความช่วยเหลือไทยตามยุทธศาสตร์ Thailand-World Bank Group Partnership for Development และยึดนโยบายของรัฐบาลและแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติของไทย