หนังสือพิมพ์Khmer Times ฉบับ 25 ส.ค.64 รายงานว่าห้วง ม.ค.-ก.ค.64 กัมพูชาตรวจพบการลักลอบข้ามแดนด้านไทยมากกว่า 200 กรณี เพิ่มขึ้นกว่า 70 กรณี จากห้วงเดียวกันของเมื่อปี 2563 และจับกุมผู้ที่เกี่ยวข้องกว่า 250 คน สาเหตุจากกัมพูชามีจังหวัดชายแดนติดไทยระยะทาง 817 กม. มีช่องทางหลบหนีหลายแห่ง ทำให้ตรวจจับได้ยาก ขณะที่ นายหน้าค้ามนุษย์ทั้งสองประเทศชักจูงชาวกัมพูชายากจนโดยสัญญาจะหางานในไทย และต้องจ่ายค่านายหน้าคนละระหว่าง 600-100 ดอลลาร์สหรัฐ ชาวกัมพูชาบางส่วนถูกส่งตัวไปทำงานในสวนผลไม้ พื้นที่ก่อสร้าง อุตสาหกรรมประมง และบางส่วนถูกบังคับให้เป็นแรงงานทาส เนื่องจากไม่มีเอกสารขออนุญาตทำงานถูกต้อง ไม่มีหนังสือเดินทางและเงินหลบหนีหรือขอความช่วยเหลือ ด้านนาย Ngoun Rattanak ผู้ว่าราชการจังหวัดพระตะบอง กล่าวว่า คนไทยในกัมพูชาที่เอกสารหมดอายุบางส่วนลักลอบกลับประเทศทางช่องทางธรรมชาติเช่นกัน
ทั้งนี้ เมื่อ ก.ค.64 กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ จัดอันดับให้กัมพูชาอยู่ในบัญชีกลุ่มที่ 2 ซึ่งต้องจับตามอง (Tier 2 Watch List) ในรายงานประจำปีว่าด้วยสถานการณ์การค้ามนุษย์ (Trafficking in Persons Report-TIPs Report) สาเหตุจากรัฐบาลกัมพูชายังดำเนินการไม่สอดคล้องกับมาตรฐานขั้นต่ำตามกฎหมายสหรัฐฯ ส่วนองค์กรภาคประชาชน Centre for Alliance of Labour and Human Rights (CENTRAL) ของกัมพูชา ประเมินว่า มีแรงงานกัมพูชาทั้งที่ถูกกฎหมายและผิดกฎหมายในไทยกว่า 1.5 ล้านคน