เว็บไซต์ The Moscow Times รายงานเมื่อ 11 ต.ค.64 อ้างคำกล่าวของนาย Alexei Raksha นักประชากรศาสตร์และอดีตที่ปรึกษาสำนักงานสถิติแห่งชาติรัสเซีย (Rosstat) ว่า ประชากรรัสเซียลดลงมากที่สุดในรอบ 12 เดือน โดยหนึ่งในสาเหตุคือการเสียชีวิตจากโรค COVID-19 ที่มีอย่างน้อย 660,000 ราย ตั้งแต่เริ่มการระบาด โดยการเสียชีวิตตามธรรมชาติของรัสเซียห้วง ต.ค.63-ก.ย.64 เมื่อคิดจากจำนวนผู้เสียชีวิตและการเกิด ไม่รวมการย้ายถิ่นฐานที่มีมากถึง 997,000 ราย ส่งผลให้ประชากรทั้งหมดของรัสเซียมีประมาณ 145 ล้านคน ซึ่งเป็นสถิติที่ลดลงนับตั้งแต่ประธานาธิบดีวลาดีมีร์ ปูติน ดำรงตำแหน่งเมื่อปี 2543 และในห้วงการผนวกรวมไครเมียของรัสเซียเมื่อปี 2557 รัสเซียมีประชากรเพิ่มขึ้น 2 ล้านคน ก่อนหน้านี้ รัสเซียเผชิญการลดลงอย่างรวดเร็วของจำนวนประชากรห้วงทศวรรษ 1990 ซึ่งเป็นภาวะวุ่นวายทางเศรษฐกิจ จากอัตราการเกิดลดลงและปัญหาทางสังคม โดยเฉพาะความยากจนและโรคพิษสุราเรื้อรังที่เพิ่มขึ้น สถิติประชากรธรรมชาติที่ลดลงก่อนหน้านี้เกิดขึ้นในห้วง ก.ค.42-มิ.ย.43 ที่มีประชากรลดลง 983,000 ราย อย่างไรก็ดี ตลอดระยะเวลา 20 ปีที่ประธานาธิบดีปูตินครองอำนาจ ได้สนับสนุนนโยบายและเงินสวัสดิการต่าง ๆ เพื่อเพิ่มอัตราการเกิดในประเทศ เช่น โครงการทุนคลอดบุตร เงินสวัสดิการหลายพันดอลลาร์สหรัฐแก่ผู้ปกครองใหม่สำหรับใช้ซื้อที่อยู่อาศัย หรือเป็นทุนการศึกษา นอกจากนี้ รัฐบาลยังใช้วิกฤตด้านประชากรศาสตร์เป็นเหตุผลในการรณรงค์เพื่อส่งเสริมค่านิยมดั้งเดิมครอบครัวรัสเซีย รวมถึงนโยบายต่าง ๆ อาทิ การออกกฎหมายห้ามรับบุตรบุญธรรมและการห้ามโฆษณาชวนเชื่อเกี่ยวกับกลุ่มรักร่วมเพศ