หนังสือพิมพ์Daily Sabah ของตุรกี รายงานเมื่อ 5 ม.ค.64 ว่า กรณีเครื่องบินขับไล่ Sukhoi Su-34 ของรัสเซียที่ทิ้งระเบิดใกล้เมืองอิดลิบของซีเรีย เมื่อ 2 ม.ค.65 ทำให้สถานีจ่ายน้ำที่จ่ายน้ำแก่เมืองอิดลิบเสียหาย โดยนาย Cemel Diyben ผ้อำนวยการชลประทานของ จังหวัดอิดลิบ กล่าวว่าสถานีจ่ายน้ำดังกล่าวทำหน้าที่จ่ายน้ำแก่ประชาชนมากกว่า 300,000 คน คาดว่าเป็นการกำหนดเป้าหมายของรัสเซียต่อโครงสร้างพื้นฐานและทำให้ประชาชนขาดแคลนน้ำ นาย Mark Cutts รองผู้ประสานงานด้านมนุษยธรรมประจำภูมิภาคในซีเรียของสหประชาชาติ ระบุในทวิตเตอร์เมื่อ 3 ม.ค.65 ยืนยันความเสียหายรุนแรงของสถานีจ่ายน้ำ พร้อมระบุว่าการโจมตีโครงสร้างพื้นฐานจะทำให้ความเป็นอยู่ของชาวซีเรียแย่ลง และควรยุติการโจมตีพลเรือนและโครงสร้างพื้นฐาน นอกจากนี้ การทิ้งระเบิดดังกล่าวยังสร้างความเสียหายแก่ฟาร์มปศุสัตว์และสัตว์ปีกใกล้จุดผ่านแดน Bab al-Hawa ที่ติดกับตุรกี โดยใน จังหวัดอิดลิบ (มีเมืองอิดลิบเป็นเมืองหลัก) มีประชาชนเกือบ 3 ล้านคน ประมาณ 2 ใน 3 เป็นประชาชนที่พลัดถิ่นมาจากพื้นที่อื่นของซีเรีย สำนักงานเพื่อการประสานงานด้านมนุษยธรรมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Office for the Coordination of Humanitarian Affairs-OCHA) ระบุว่าความเป็นอยู่ของประชากรใน จ.อิดลิบเกือบร้อยละ 75 ขึ้นอยู่กับความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม เนื่องจากประชาชน 1.6 ล้านคนยังอาศัยอยู่ในค่ายพักพิงหรือที่พักอาศัยชั่วคราว