บรูไน
ระบุเมื่อ 17 มี.ค.65 ได้รับยาโมลนูพิราเวียร์ (Molnupiravir) ซึ่งเป็นยารักษาโรค COVID-19 ชนิดรับประทานของบริษัท Merck ของสหรัฐฯ จำนวน 5,040 ชุด จากที่สั่งซื้อทั้งหมด 25,000 ชุด
ระบุเมื่อ 17 มี.ค.65 ได้รับยาโมลนูพิราเวียร์ (Molnupiravir) ซึ่งเป็นยารักษาโรค COVID-19 ชนิดรับประทานของบริษัท Merck ของสหรัฐฯ จำนวน 5,040 ชุด จากที่สั่งซื้อทั้งหมด 25,000 ชุด
ระบุเมื่อ 17 มี.ค.65 ปรับแนวทางควบคุมการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 เป็นการป้องกันไม่ให้ผู้ติดเชื้อมีอาการรุนแรงและเสียชีวิต จากเดิมที่มุ่งเน้นควบคุมไม่ให้มีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มสูงขึ้น
ระบุเมื่อ 17 มี.ค.65 ฉีดวัคซีนป้องกันโรค COVID-19 เข็มกระตุ้นให้ประชาชนแล้ว 15,425,524 ราย หรือร้อยละ 65.6 ของประชากรวัยผู้ใหญ่ทั้งหมด
ระบุเมื่อ 17 มี.ค.65 ผ่อนปรนมาตรการควบคุมโรค COVID-19 เพิ่มเติม อาทิ ยกเลิกข้อกำหนดให้ผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศต้องแสดงผลตรวจหาเชื้อ COVID-19 แบบ PCR และสามารถขอรับการตรวจลงตรา ณ ช่องทางอนุญาตของด่าน ตม. (Visa on Arrival) จากเดิมที่ต้องขอรับการตรวจลงตราอิเล็กทรอนิกส์
ระบุเมื่อ 17 มี.ค.65 จะเริ่มเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเต็มรูปแบบใน 1 เม.ย.65
กลับมาเป็นที่กล่าวถึงกันอีกครั้ง กับหุ้น AJA ที่เพิ่งประกาศแผนการติดตั้งเครื่องขุด Bitcoin จำนวนเพิ่มขึ้นต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) โดยตั้งเป้าหมายไว้ที่ 500 เครื่อง ภายในไตรมาสที่ 2 ของปี 2565 เนื่องจากฝ่ายบริหารของบริษัทเชื่อว่าอุตสาหกรรมการขุดเหมือง Bitcoin จะสามารถสร้างผลตอบแทนที่สม่ำเสมอในระยะยาว และช่วยกระจายความเสี่ยงทางการค้าให้แก่บริษัทที่แต่เดิมมีพื้นเพมาจากทางด้านเครื่องใช้ไฟฟ้าครัวเรือน แต่ไม่ได้รับการตอบสนองในกราฟราคาเท่าใดนัก เนื่องจากราคาของหุ้น AJA ได้ปรับตัวขึ้นมามากกว่า 500% แล้วจากช่วงราคา 0.11 บาท มาที่ 0.8 บาท ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา อีกทั้งปัจจุบันหุ้น AJA ยังเคลื่อนที่สวิงอยู่ในกรอบสภาวะพักตัว (continuation pattern) ระหว่างราคา 0.5 บาท และ 0.8 บาท เพื่อรอแรงซื้อระลอกใหม่เข้ามาช่วยดันราคาให้ปรับตัวขึ้นต่อ สิ่งที่ต้องจับตามองในระยะสั้นนี้คือ แนวรับบริเวณเส้นสีดำ (ตามภาพที่ 1) ราคา 0.5 บาท จะสามารถรับราคาของหุ้น AJA ไหวหรือไม่ หากมีการทุบราคาเกิดขึ้นเพื่อให้นักลงทุนรายย่อยยอมตัดขาดทุนในอนาคต…
ช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมาถือเป็นช่วงเวลาที่ค่อนข้างสาหัสสำหรับหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีของจีน เนื่องจากนักลงทุนทั่วโลกต่างสูญเสียความเชื่อมั่นในรัฐบาลจีน และนโยบายการแทรกแซงตลาดของจีน ราคาของหุ้นหลายตัวในตลาดจึงร่วงลงอย่างรุนแรงตลอดทั้งปี ซึ่งหนึ่งในนั้น คือ หุ้น Alibaba ของ Jack Ma ที่ถูกรัฐบาลจีนเข้าทำการตรวจสอบกรณีการผูกขาดทางการค้า ทำให้ราคาหลุดแนวรับสำคัญตามเส้นสีม่วง (ตามภาพที่ 1) ที่บริเวณ $228.62 และเข้าสู่สภาวะขาลงในทันทีเมื่อเดือนมกราคม ปี 2564 โดยราคามีการปรับตัวลงมามากกว่า 60% จากจุดสูงสุดตลอดกาล (All-Time High) ที่ $325 เมื่อปลายปี 2563 เหลือเพียง $86 ในเดือนมีนาคมปี 2565 นักลงทุนหลายกลุ่มจึงเชื่อว่าปัจจุบันหุ้น Alibaba ได้จบรอบลงแล้ว พร้อม ๆ กับหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีตัวอื่นๆในตลาดสหรัฐฯ เช่น Facebook (Meta), Twitter Inc., และ Netflix ที่มีการดิ่งลงของราคาไปในทิศทางที่ไม่แตกต่างกัน ดังจะเห็นได้จากการที่นักลงทุนในตลาด NASDAQ ส่วนใหญ่ขนเงินออกมาเทให้หุ้นบางประเภทในตลาดเอเชียอย่างต่อเนื่องในช่วงไตรมาสแรกของปี 2565 นี้ อนึ่ง…
จากกรณีที่คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ ได้ออกมาประกาศถึงแนวโน้มการถอดหุ้นสัญชาติจีนบางตัวออกจากตลาด NYSE (The New York Stock Exchange) เพราะมีพฤติการณ์เข้าข่ายผิดกฎหมาย Holding Foreign Companies Accountable Act จนนักลงทุนจำนวนมากในตลาดพยายามลดสัดส่วนของสินทรัพย์ในพอร์ตที่เป็นหุ้นเทคโนโลยี (China Internet sector) ลง เพื่อลดปริมาณความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนนี้ หุ้นหลายตัวที่มีพื้นเพมาจากอุตสาหกรรมเทคโนโลยีของจีนจึงปรับตัวสนองต่อกระแสดังกล่าว จนดัชนี Hang Seng Index ที่อยู่ในช่วงตลาดขาลงอยู่แล้ว ปรับตัวลงตามจนมูลค่าลดลงไปกว่า 40% จากจุดสูงสุดเมื่อช่วงต้นปี 2564 เนื่องจากแนวรับสำคัญบริเวณเส้นสีส้ม ราคา HK$21,455.57 ไม่สามารถรับราคาไว้ได้ โดยปัจจุบัน Hang Seng Index กำลังเคลื่อนที่ไปจ่อทดสอบบริเวณแนวรับเส้นสีแดงที่ราคา HK$18,229.79 (ตามภาพที่ 1) ซึ่งเป็นแนวรับเดิมของเมื่อช่วงต้นปี 2559 ที่จะพอมีโอกาสให้ราคาดีดขึ้น (rebound) ได้ ในทางเทคนิคัลนั้น กราฟแสดงผลราคาของ Hang Seng Index ได้ทะลุโครงสร้างของแนวรับ 2 แนวสำคัญ…
เมื่อเข้าสู่เดือนมีนาคม-เมษายน อากาศในประเทศไทยก็เริ่มร้อนขึ้นอย่างต่อเนื่องและจะร้อนไปอีกยาวนาน แม้ปัจจุบันเราจะมีเครื่องปรับอากาศอยู่ทั่วทุกที่ แต่อากาศร้อนก็ยังทำให้เรารู้สึกไม่สบายเนื้อไม่สบายตัว จนไปถึงการทำให้ป่วยจนถึงขั้นเสียชีวิตได้ อย่างเช่นที่มีข่าวว่า ชายวัยกลางคนได้เสียชีวิตลงในช่วงฤดูร้อนเมื่อเขาดื่มเครื่องดื่มแอลกอศออล์และทุเรียนในวันที่อากาศร้อนจัด ข่าวนี้ทำให้เราอาจตั้งสมมติฐานได้ว่า อาหารมีส่วนที่จะช่วยให้ความร้อนหรือการทำงานของร่างกายทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นที่ทราบกันอยู่แล้วว่าการกินทุเรียน หรือผลไม้ และอาหารอื่น ๆ ที่ทำให้ร่างกายร้อน และมีอาการต่างๆ ตามมา เช่น ร้อนใน ท้องเสีย หรือมีไข้ ไม่ว่าจะเป็น ฝรั่ง ลำไย มะม่วงสุก ขิง แครอท ถั่วฝักยาว น้ำตาลทรายแดง กะทิ ข้าวเหนียว เนื้อสัตว์ ไข่ อาหารหมักดอง ชา กาแฟ รวมไปถึงอาหารที่ย่อยยากชนิดต่างๆ ที่ร่างกายจะต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อย่อยอาหารเหล่านี้ เมื่อร่างกายทำงานหนักก็จะส่งผลให้เกิดความร้อนสูงภายในร่างกายร่วมกับสภาพอากาศที่ร้อนอยู่ด้วยทำให้สมดุลของร่างกายพัง หากไม่รีบปรับสมดุลร่างกายโดยเร็วก็จะทำให้ป่วยจนถึงขั้นเสียชีวิตได้ วิธีการลดความร้อนภายในร่างกายทำได้หลายวิธี สำหรับวิธีที่จะช่วยรักษาสมดุลในร่างกายได้ นั่นคือ การรับประทานอาหารฤทธิ์เย็น เช่น มะละกอดิบ ย่านาง น้ำมะพร้าว ฟัก ผักบุ้ง บวบ แตงกวา มะนาว มะเขือเทศ สับปะรด แตงโม…
ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ กับการเลือกตั้งผู้ว่าคนใหม่ของกรุงเทพมหานคร “เมืองโตเดี่ยว” แห่งประเทศไทย ที่แม้จะมีความเจริญและประชากรที่หนาแน่น เต็มไปด้วยระบบขนส่งสาธารณะและอาคารที่ทันสมัย แต่เมืองหลวงแห่งนี้ยังคงเต็มไปด้วยปัญหาจากการเปลี่ยนแปลงทางสังคมที่หลากหลายจากทุกกลุ่ม ตั้งแต่นักเรียน…..ชนชั้นแรงงานและผู้บริหาร หนึ่งในการเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดของกรุงเทพมหานครในช่วง 5-10 ปีมานี้ คือ การเกิดขึ้นของอาคารชุด หรือ คอนโดมิเนียม ที่เข้ามาเพื่อตอบสนองความต้องการที่อยู่อาศัยให้กับกลุ่มคนทุกประเภทตั้งแต่รายบุลคคลจนถึงครอบครัว โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีสถานีรถไฟฟ้า ซึ่งแม้จะอยู่ไกลจาก ศูนย์กลางเมือง (CBD) หรือย่านที่พักอาศัยเดิมก็ยังมีคอนโดมิเนียมผุดขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง การเปลี่ยนแปลงจากตึกแถว 3 ชั้น เป็นตึกสูง 30 ชั้น นั่นหมายถึงจำนวผู้ใช้งานต่อพื้นที่ที่เพิ่มขึ้นอย่างทวีคูณ ส่งผลต่อความเพียงพอต่อสิ่งความอำนวยความสะดวก อุปโภค บริโภค (facility) ต่างๆ ที่ต้องรองรับกิจกรรมจากคอนโดมิเนียมเหล่านั้น ซึ่งเริ่มสะสมกลายเป็นปัญหาที่แก้ได้ยากยิ่งของเมือง โดยสามารถแบ่งออกมาได้ 4 ด้าน ได้แก่ ทางสัญจรหรือถนน แม้คอนโดมิเนียมจะขึ้นอยู่ใกล้กับรถไฟฟ้าที่ช่วยรองรับคนไปยังพื้นที่ต่างๆ แต่ดูเหมือนว่าผู้ที่อยู่อาศัยในคอนโดจำนวนมากยังคงมีการใช้รถยนต์ส่วนตัว (คอนโดมิเนียมมีที่จอดรถ 1 คันต่อพื้นที่ 120 ตารางเมตรและห้องขนาด 60 ตารางเมตรขึ้นไป จะต้องมีที่จอดรถ 1 คันต่อ 1 ยูนิต) โดยมีเหตุผลถึงความไม่สะดวกในการเข้าถึงสถานที่ต่างๆด้วยรถไฟฟ้าและค่าบริการเมื่อเทียบกับการใช้รถไฟฟ้าไม่ต่างกันมากนัก…