สหภาพยุโรป (European Union-EU) มีมติเมื่อ 8 เม.ย.65 ดำเนินมาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซียรอบที่ 5 เพื่อเพิ่มแรงกดดันทางเศรษฐกิจและสร้างข้อจำกัดทางการเงิน โดยมีสาระสำคัญ 6 ข้อ ได้แก่ 1) ระงับการนำเข้าถ่านหินจากรัสเซีย ซึ่งจะทำให้รัสเซียสูญเสียมูลค่าการค้า 8,000 ล้านยูโร/ปี ถือเป็นการร่วมกันห้ามนำเข้าพลังงานจากรัสเซียเป็นครั้งแรกของยุโรป แต่ยังไม่สามารถหาจุดร่วมกรณีการห้ามนำเข้าน้ำมันและก๊าซธรรมชาติจากรัสเซีย
2) มาตรการทางการเงิน เช่น ระงับการทำธุรกรรมธนาคารรัสเซีย 4 แห่งที่ครองสัดส่วนในภาคการเงินรวมร้อยละ 23 ห้ามซื้อขายคริปโตเคอเรนซีในรัสเซีย และห้ามให้คำปรึกษาทางการเงินแก่นายทุนรัสเซีย
3) ด้านคมนาคม คว่ำบาตรผู้ให้บริการโลจิสติกส์ระหว่างรัสเซียกับเบลารุส ยกเว้นการขนส่งสินค้าการเกษตร อาหาร ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม และพลังงาน ห้ามเรือสัญชาติรัสเซียเทียบท่าเรือยุโรป ยกเว้นขนส่งเวชภัณฑ์ทางการแพทย์ อาหาร พลังงาน และความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม
4) ระงับการส่งออกสินค้าที่รัสเซียต้องพึ่งพายุโรป เช่น เทคโนโลยีควอนตัม เซมิคอนดักเตอร์ เครื่องจักร ขนส่ง และเคมีภัณฑ์ เพื่อลดศักยภาพธุรกิจในภาคเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมรัสเซีย รวมถึงน้ำมันเครื่องบินและสารเพิ่มประสิทธิภาพน้ำมันเชื้อเพลิงเบนซินที่อาจนำไปใช้ในกองทัพ
5) ระงับการนำเข้าสินค้าจากรัสเซียเพิ่มเติม เช่น ซีเมนต์ ผลิตภัณฑ์จากยาง ไม้ แอลกอฮอล์ และอาหารทะเล รวมถึงการนำเข้าแร่โปแตชจากเบลารุส
6) โดดเดี่ยวรัสเซียออกจากการทำสัญญาระหว่างรัฐและภาคการเงินของยุโรป ห้ามชาวรัสเซียหรือนิติบุคคลจากรัสเซียทำสัญญาทางธุรกิจในยุโรป ห้ามธุรกิจยุโรปให้ความช่วยเหลือทั้งทางการเงินและไม่ใช่ทางการเงินต่อรัสเซีย เช่น ทุนวิจัย ทุนการศึกษา และห้ามซื้อขายสกุลเงินยูโรกับรัสเซีย