สาธารณรัฐอิตาลี
Italian Republic
เมืองหลวง กรุงโรม
ที่ตั้ง ยุโรปตอนใต้ มีลักษณะเป็นคาบสมุทรยื่นออกไปกลางทะเลเมดิเตอร์เรเนียน มีพื้นที่ 301,340 ตร.กม. ขนาดใหญ่เป็นลำดับที่ 72 ของโลก โดยแบ่งเป็นพื้นแผ่นดิน 294,140 ตร.กม. และน่านน้ำ 7,200 ตร.กม. ระยะทางชายแดนรวม 1,899.2 กม. (ด้านออสเตรีย 430 กม. ฝรั่งเศส 488 กม. นครรัฐวาติกัน 3.2 กม. ซานมารีโน 39 กม. สโลวีเนีย 199 กม. และสวิตเซอร์แลนด์ 740 กม.) ระยะทางชายฝั่งรวม 7,600 กม. อิตาลีเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์เนื่องจากอยู่กลางทะเลเมดิเตอร์เรเนียน และสามารถเดินทางไปยังยุโรปตะวันออก โดยทางทะเล (ตอนใต้) และทางอากาศได้
อาณาเขต
ทิศเหนือ ติดกับสวิตเซอร์แลนด์และออสเตรีย
ทิศใต้ ติดกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียนและทะเลไอโอเนียน
ทิศตะวันออก ติดกับทะเลอาเดรียติก (อยู่ตรงข้ามกับสโลวีเนีย โครเอเชีย บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา
มอนเตเนโกร และแอลเบเนีย)
ทิศตะวันตก ติดกับฝรั่งเศสและทะเลไทเรเนียน
ภูมิประเทศ พื้นที่ 75% เป็นภูเขาและที่ราบสูง จุดที่สูงที่สุดของประเทศ คือ Mont Blanc de Courmayeur ระดับความสูง 4,748 ม.
ภูมิอากาศ ทางตอนเหนือมีภูมิอากาศแบบร้อนชื้น บริเวณชายฝั่งมีภูมิอากาศแบบเมดิเตอร์เรเนียน (อากาศอบอุ่น ฤดูหนาวอากาศชื้น ฤดูร้อนอากาศร้อนและแห้ง)
ศาสนา คริสต์ (ส่วนใหญ่เป็นคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก) 80.8% อิสลาม 4.9% ไม่นับถือศาสนา 13.4% ศาสนาอื่น ๆ 0.9%
ภาษา ภาษาอิตาลี (ภาษาราชการ) เยอรมัน และฝรั่งเศส
การศึกษา อัตราการรู้หนังสือ 99.2% งบประมาณด้านการศึกษา 4.3% ของ GDP
วันชาติ 25 เม.ย.
นางจอร์เจีย เมโลนี
(Giorgia Meloni)
(นรม.อิตาลี)
ประชากร 58,856,847 คน (ต.ค.2566)
รายละเอียดประชากร อัตราส่วนประชากรจำแนกตามอายุ : วัยเด็ก (0-14 ปี) 12.08% วัยรุ่นถึงวัยกลางคน (15-64 ปี) 64.61% วัยชรา (65 ปีขึ้นไป) 23.31% อายุขัยเฉลี่ยของประชากร 82.79 ปี อายุขัยเฉลี่ยของชาย 80.46ปี อายุขัยเฉลี่ยของหญิง 85.26 ปี อัตราการเกิด 7 คนต่อประชากร1,000 คน อัตราการตาย 11.27 คนต่อประชากร 1,000 คน
การก่อตั้งประเทศ
บริเวณที่เป็นอิตาลีในปัจจุบันมีการตั้งถิ่นฐานมาตั้งแต่ 800 ปีก่อนคริสตกาล และถูกรวมอยู่ในอาณาจักรโรมันตะวันตกในระหว่างศตวรรษที่ 1-5 จากนั้นกลายเป็นสมรภูมิในความขัดแย้งอันยาวนานระหว่างสันตะปาปาที่กรุงโรมกับจักรพรรดิของอาณาจักรโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ ต่อมาในศตวรรษที่ 11 ดินแดนภาคกลางและภาคเหนือของอิตาลีเริ่มรุ่งเรืองและเป็นศูนย์กลางการค้า หลังศตวรรษที่ 16 จึงเสื่อมลงแต่ในช่วงศตวรรษที่ 16-17 อิตาลีเข้าสู่ยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาการ (Renaissance) เป็นแหล่งกำเนิดศิลปวิทยาการ ตลอดจนวรรณกรรมที่เป็นพื้นฐานของอารยธรรมตะวันตกยุคต่อมา
เมื่อปี 2404 กษัตริย์ Victor Emanuel ที่ 2 ได้รวบรวมรัฐต่าง ๆ ในคาบสมุทรอิตาลีและเกาะซิซิลีสถาปนาเป็นประเทศอิตาลี ต่อมาในช่วงต้นของสงครามโลกครั้งที่ 1 อิตาลีเป็นพันธมิตรกับเยอรมนีและออสเตรีย-ฮังการี แต่กลับสนับสนุนฝ่ายสัมพันธมิตรในช่วงเกือบสิ้นสุดสงครามเมื่อปี 2458 จึงได้รับดินแดนบางส่วนของออสเตรียมาอยู่ใต้การปกครองของอิตาลี ต่อมาในห้วงปี 2465-2486 อิตาลีปกครองระบอบฟาสซิสต์โดย Benito Mussolini มีกษัตริย์เป็นประมุขของรัฐแต่เพียงในนาม ในสงครามโลกครั้งที่ 2 อิตาลีอยู่ฝ่ายอักษะ แต่หลังจากฝ่ายสัมพันธมิตรยึดเกาะซิซิลีได้เมื่อปี 2486 กษัตริย์อิตาลีได้ปลด Mussolini จากตำแหน่งและแต่งตั้งนายพล Pietro Badaglio ขึ้นเป็น นรม.แทน และอิตาลีหันไปประกาศสงครามกับเยอรมนี หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง อิตาลีเปลี่ยนแปลงการปกครองมาเป็นสาธารณรัฐในระบอบประชาธิปไตย (2 มิ.ย.2489) และประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับแรกเมื่อ 1 ม.ค.2491 ซึ่งยังใช้มาจนถึงปัจจุบัน
การเมือง
ปกครองระบอบสาธารณรัฐประชาธิปไตยแบบมีรัฐสภา แบ่งเขตการปกครองออกเป็น 20 แคว้นได้แก่ 1) Abruzzo 2) Basilicata 3) Calabria 4) Campania 5) Emilia-Romagna 6) Friuli-Venezia Giulia 7) Lazio 8) Liguria 9) Lombardy (Lombardia) 10) Marche 11) Molise 12) Piemonte 13) Puglia
14) Sardinia (Sardegna) 15) Valle d’Aosta (Vallée d’Aoste) 16) Tuscany (Toscana) 17) Trentino-Alto Adige 18) Umbria 19) Sicily (Sicilia) และ 20) Veneto โดยแคว้น Friuli-Venezia Giulia, Sardegna, Sicilia, Trentino-Alto Adige และ Vallée d’Aoste มีอำนาจปกครองตนเอง และ 110 จังหวัด
ฝ่ายบริหาร : ประธานาธิบดี Sergio Mattarella (อายุ 83 ปี/ปี 2567) ปฏิญาณตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีคนที่ 12 ของอิตาลีเมื่อ 3 ก.พ.2558 ประธานาธิบดีอิตาลีได้รับการเลือกตั้งโดยรัฐสภา (สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 630 คน และวุฒิสภา 321 คน) ร่วมกับผู้แทนภูมิภาค (จำนวน 58 คน ซึ่งมาจากเขตการปกครองทั้ง 20 แคว้นร่วมกันแต่งตั้ง) ประธานาธิบดีมีวาระการดำรงตำแหน่ง 7 ปี อำนาจหน้าที่ของประธานาธิบดี เช่น การเป็นประธานในงานพิธีต่าง ๆ การแต่งตั้ง นรม. การคัดค้านการเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญ การยุบสภา ขณะที่ นรม.เป็นผู้จัดตั้งคณะรัฐบาลโดยความเห็นชอบจากประธานาธิบดี
นรม. อิตาลีคนปัจจุบัน คือ นางจอร์เจีย เมโลนี นรม.หญิงคนแรกของอิตาลี และหัวหน้าพรรค Brothers of Italy ซึ่งเป็นพรรคการเมืองที่มีแนวคิดอนุรักษ์นิยมขวาจัดมากที่สุดตั้งแต่สงครามโลก
ครั้งที่ 2 นรม. จอร์เจีย เมโลนี ชนะการเลือกตั้งด้วยคะแนนเสียงร้อยละ 26 เมื่อ ก.ย.2565 และเข้ารับตำแหน่งเมื่อ 22 ต.ค.2565 หลังจากอดีต นรม. Mario Draghi ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่ง เนื่องจาก
ไม่สามารถรวบรวมเสียงสนับสนุนจากพรรคร่วมรัฐบาลในการลงมติไม่ไว้วางใจได้ ทั้งนี้ ภารกิจท้าทายภายใต้การนำของ นรม. จอร์เจีย เมโลนี ขณะนี้ คือ การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ และการจัดการรับมือกับปัญหาผู้อพยพ
ฝ่ายนิติบัญญัติ : มี 2 สภา คือ สภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา ประธานสภาผู้แทนราษฎรเป็นประธานรัฐสภา วาระการดำรงตำแหน่งของทั้ง 2 สภา คือ 5 ปี การเลือกตั้งเป็นการลงคะแนนเสียงผสมระหว่างแบบเสียงข้างมาก 75% และแบบสัดส่วน 25% โดยจะเลือกตั้งพร้อมกันทั้ง 2 สภา การบัญญัติกฎหมายต้องได้รับความเห็นชอบจากทั้ง 2 สภา
สภาผู้แทนราษฎรประกอบด้วยสมาชิก 630 คน โดย 618 คน มาจากการเลือกตั้งของหน่วยเลือกตั้งภายในประเทศ และอีก 12 คนมาจากหน่วยเลือกตั้งในต่างประเทศ
วุฒิสภา ประกอบด้วย สมาชิก 321 คน มาจากการเลือกตั้งโดยตรงจากแคว้นต่าง ๆ 315 คน และวุฒิสมาชิกตลอดชีพที่มาจากการแต่งตั้งจากบุคคลชั้นนำในสังคมจำนวน 6 คน
ฝ่ายตุลาการ : ฝ่ายตุลาการแยกเป็นอิสระจากฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติ ฝ่ายตุลาการประกอบด้วยศาลรัฐธรรมนูญ ศาลยุติธรรม (ศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ และศาลฎีกา) และศาลชำนัญพิเศษ
พรรคการเมือง : พรรคการเมืองที่สำคัญ พรรคฝ่ายรัฐบาล เช่น 1) พรรค Brothers of Italy (FdI) มีนาง Georgia Meloni เป็นผู้นำพรรค 2) พรรค League (Lega) มีนาย Matteo Salvini เป็นหัวหน้าพรรค 3) พรรค Forza Italia (FI) มีนาย Antonio Tajani เป็นหัวหน้าพรรค เช่น 1) พรรค Democratic Party (PD) มีนาย Stafano Bonaccini เป็นหัวหน้าพรรค 2) พรรค Five Star Movement (M5S) มีนาย Giuseppe Conte เป็นหัวหน้าพรรค 3) พรรค Italia Viva มีนาย Carlo Calenda เป็นหัวหน้าพรรค
เศรษฐกิจ อิตาลีมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 9 ของโลก และใหญ่เป็นอันดับ 3 ของยุโรป มีระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยมที่มีอุตสาหกรรมเป็นพื้นฐาน โดยธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) เป็น แกนขับเคลื่อนหลักของภาคอุตสาหกรรม สินค้าของอิตาลีได้รับการยอมรับว่ามีคุณภาพสูงจึงสามารถแข่งขัน ได้ในตลาดระดับบนหรือตลาดที่เน้นเป้าหมายกลุ่มลูกค้าระดับสูง
อุตสาหกรรม : ท่องเที่ยว เครื่องจักรกล เหล็กและโลหะ เคมีภัณฑ์ อาหารแปรรูป สิ่งทอ รถยนต์ เสื้อผ้า รองเท้า
สกุลเงิน ตัวย่อสกุลเงิน : ยูโร (Euro)
อัตราแลกเปลี่ยนต่อดอลลาร์สหรัฐ : 1 ยูโร : 1.06 ดอลลาร์สหรัฐ
อัตราแลกเปลี่ยนต่อบาท : 1 ยูโร : 38.43 บาท (ต.ค.2566)
ดัชนีเศรษฐกิจสำคัญ (ปี 2565)
ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) 2,010,431 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ : 3.7%
รายได้เฉลี่ยต่อหัวต่อปี : 34,158 ดอลลาร์สหรัฐ
แรงงาน : 23.71 ล้านคน
อัตราการว่างงาน : 8.1%
อัตราเงินเฟ้อ : 8.2%
ดุลบัญชีเดินสะพัด : ขาดดุล 26,658,107 ดอลลาร์สหรัฐ
มูลค่าการส่งออก : 656,925 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
สินค้าส่งออก : เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เคมีภัณฑ์ เครื่องใช้เบ็ดเตล็ด ผลิตภัณฑ์เวชกรรมและเภสัชกรรม เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ เครื่องบิน เครื่องร่อน อุปกรณ์การบินและส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์โลหะ ส่วนประกอบและอุปกรณ์ยานยนต์ เครื่องประดับอัญมณี เลนส์ แว่นตาและส่วนประกอบ
มูลค่าการนำเข้า : 689,452 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
สินค้านำเข้า : รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ อาหารสัตว์เลี้ยง อัญมณีและเครื่องประดับ ผลิตภัณฑ์ยาง ปลาหมึกมีชีวิต สด แช่เย็น และแช่แข็ง เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ ยางพารา รถจักรยานยนต์และส่วนประกอบ เครื่องนุ่งห่ม
คู่ค้าสำคัญ : เยอรมนี ฝรั่งเศส สหรัฐอเมริกา สวิตเซอร์แลนด์ และสหราชอาณาจักร
การทหาร กำลังพลประจำการรวม 161,050 นาย (แยกเป็น ทบ. 93,100 นาย ทร. 28,700 นาย ทอ. 39,250 นาย และ กกล. สารวัตรทหาร 176,100 นาย) นอกจากนี้ ยังมี กกล.สำรองอีก17,900 นาย (แยกเป็น ทบ. 13,400 นาย และ ทร. 4,500 นาย) งบประมาณด้านการทหารร้อยละ 1.67 ของ GDP
ปัญหาด้านความมั่นคง
1)การจัดการปัญหาผู้อพยพ อิตาลีเป็นประเทศซึ่งมีที่ตั้งทางภูมิศาสตร์เป็นชายฝั่งและมีท่าเทียบเรือ จึงกลายเป็นประเทศด่านหน้าที่ต้องรับผู้อพยพจำนวนมากที่โดยสารเรือมาจากแอฟริกาและตะวันออกกลาง และประสบปัญหาการจัดการค่ายผู้อพยพที่แออัด โดย นรม. จอร์เจีย เมโลนี แสดงความห่วงกังวลประเด็นผู้อพยพ จากรายงานตัวเลขผู้อพยพทางเรือมาที่อิตาลีเมื่อห้วง ต.ค.2566 อยู่ที่ 140,000 คน เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าจากห้วงเดียวกันของปี 2565
2) การก่อเหตุจากกลุ่มมุสลิมหัวรุนแรง โดยหน่วยข่าวกรองอิตาลีประเมินว่ากลุ่มIslamic State (IS) ยังมีศักยภาพและมีแรงจูงใจต่อการก่อเหตุในยุโรป ทั้งความเสี่ยงจากกลุ่มผู้ที่เคยเดินทางไปร่วมรบกับกลุ่ม IS ในซีเรียและเดินทางกลับสู่ยุโรป และปัจจัยเสี่ยงจากการบ่มเพาะแนวคิดหัวรุนแรงภายในประเทศ ได้แก่ การเผยแพร่แนวคิดผ่านเครือข่ายออนไลน์ การถูกปลูกฝังแนวคิดขณะถูกคุมขัง และงานกิจกรรมที่มีการรวมตัวของชาวมุสลิมจำนวนมาก ทั้งนี้ ทางการเน้นการผลักดันบุคคลที่ต้องสงสัยว่าสนับสนุนแนวทางญิฮาดออกนอกอิตาลีอย่างต่อเนื่อง
สมาชิกองค์การระหว่างประเทศ เข้าร่วมในองค์การระหว่างประเทศที่สำคัญ ได้แก่ ADB (สมาชิกนอกภูมิภาค), AfDB (สมาชิกนอกภูมิภาค), Australia Group, AIIB BIS, BSEC (ผู้สังเกตการณ์), CBSS (ผู้สังเกตการณ์), CD, CDB, CE, CEI, CERN, EAPC, EBRD, ECB, EIB, EMU, ESA, EU, FAO, FATF, G-20, G-7, G-8, G-10, IADB, IAEA, IBRD, ICAO, ICC, ICRM, IDA, IEA, IFAD, IFC, IFRCS, IGAD (ประเทศหุ้นส่วน), IHO, ILO, IMF, IMO, IMSO, Interpol, IOC, IOM, IPU, ISO, ITSO, ITU, ITUC, LAIA (ผู้สังเกตการณ์), MIGA, MINURSO, NATO, NEA, NSG, OAS (ผู้สังเกตการณ์), OECD, OPCW, OSCE, Paris Club, PCA, PIF (ประเทศหุ้นส่วน), Schengen Convention, SELEC (ผู้สังเกตการณ์), UN, UNCTAD, UNESCO, UNHCR, UNIDO, UNIFIL, Union Latina, UNMOGIP, UNRWA, UNTSO, UNWTO, UPU, WCO, WHO, WIPO, WMO, WTO และ ZC
การขนส่งและโทรคมนาคม มีท่าอากาศยาน 129 แห่ง เป็นทางวิ่งลาดยาง 98 แห่ง และทางวิ่งไม่ลาดยาง 31 แห่ง ลานจอด ฮ. 5 แห่ง เส้นทางท่อส่งก๊าซ 20,223 กม. ท่อส่งน้ำมัน 1,393 กม. เส้นทางรถไฟระยะทาง 18,475 กม. ถนนระยะทาง 487,700 กม. เส้นทางเดินทางทางน้ำ 2,400 กม. ด้านโทรคมนาคมมีโทรศัพท์พื้นฐานให้บริการประมาณ 19.99 ล้านเลขหมาย โทรศัพท์เคลื่อนที่ 78.11 ล้านเลขหมาย รหัสโทรศัพท์ +39 จำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ต 44.25 ล้านคน รหัสอินเทอร์เน็ต .it
การเดินทาง เวลาของอิตาลีช้ากว่าไทยประมาณ 6 ชม. ในช่วง พ.ย.-มี.ค. และช้ากว่าไทย 7 ชม. ในช่วง เม.ย.-ต.ค.
ความสัมพันธ์ไทย-อิตาลี :
ไทยและอิตาลีมีความสัมพันธ์ทางการทูตตั้งแต่ 3 ต.ค.2411 ความสัมพันธ์ระหว่าง ๒ ประเทศดำเนินมาโดยราบรื่น อิตาลีเป็นคู่ค้าของไทยอันดับที่ 24 ในตลาดโลกและอันดับที่ 3 ในตลาดกลุ่ม EU มูลค่าการค้ารวม 170,982 ล้านบาท ไทยส่งออกมูลค่า 70,817 ล้านบาท ไทยนำเข้ามูลค่า 100,165 ล้านบาท เมื่อปี 2565 ไทยขาดดุล 29,348 ล้านบาท
สินค้าส่งออกสำคัญของไทย ได้แก่ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ รถยนต์และอุปกรณ์ ผลิตภัณฑ์ยาง อาหารสัตว์เลี้ยง อัญมณีและเครื่องประดับ หม้อแปลงไฟฟ้าและส่วนประกอบ รถจักรยานยนต์และส่วนประกอบ ปลาหมึก ยางพารา เครื่องจักรกลและส่วนประกอบของเครื่องจักรกล
สินค้านำเข้าสำคัญของไทย ได้แก่ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เครื่องใช้เบ็ดเตล็ด เคมีภัณฑ์ เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์เวชกรรมและเภสัชกรรม ผลิตภัณฑ์โลหะ เครื่องประดับอัญมณี ส่วนประกอบและอุปกรณ์ยานยนต์ แผงวงจรไฟฟ้า ส่วนประกอบและอุปกรณ์รถจักรยานยนต์และรถจักร
ด้านการลงทุน เมื่อปี 2565 อิตาลีลงทุนในไทยผ่าน BOI จำนวน 2 โครงการ มูลค่ารวม 15 ล้านบาท
ด้านการท่องเที่ยว เมื่อปี 2565 มีชาวอิตาลีเดินทางมาไทยจำนวน 85,254 คน เพิ่มขึ้นจากเมื่อปี 2564 ที่มีจำนวน 5,322 คน
ข้อตกลงสำคัญ : ความตกลงยกเว้นการตรวจลงตราหนังสือเดินทางทูตและราชการ
(30 ธ.ค.2498) ความตกลงพื้นฐานว่าด้วยความร่วมมือระหว่างประเทศ (10 ก.พ.2526) สนธิสัญญาว่าด้วยความร่วมมือในการบังคับให้เป็นไปตามคำพิพากษาในคดีอาญาระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐอิตาลี (28 ก.พ.2527) ความตกลงว่าด้วยความร่วมมือด้านการส่งกำลังบำรุงทหารไทย–อิตาลี
(ปี 2537) ความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางการเงิน (22 เม.ย.2531) ความตกลงว่าด้วยความร่วมมือด้านการลงทุนไทย–อิตาลี ระหว่างสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนกับItalian Trade Commission กระทรวงการค้าอิตาลี (มี.ค.2535) ความตกลงว่าด้วยการจัดตั้งคณะมนตรีธุรกิจไทย–อิตาลีระหว่าง
สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยกับสมาพันธ์อุตสาหกรรมแห่งอิตาลี-CONFINDUSTRIA (14 มี.ค.2537) ข้อตกลงความร่วมมือด้านการค้าการลงทุนและเทคโนโลยีระหว่างสถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอของไทย
กับสหพันธ์อุตสาหกรรมสิ่งทอของอิตาลี (27 มี.ค.2542) ความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางวัฒนธรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (22 ก.ย.2547) บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (22 ก.ย.2547) บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือระหว่างสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริม
การลงทุนกับสถาบันเพื่อการค้าต่างประเทศของอิตาลี (10 พ.ย.2548) บันทึกความเข้าใจเพื่อการพัฒนาและส่งเสริมธุรกิจของอิตาลีในต่างประเทศระหว่างสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนกับสถาบันการเงินของอิตาลี
(10 พ.ย.2548) บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในเรื่องการส่งเสริมและการตลาดอาหารไทยและอิตาลี
ในระดับระหว่างประเทศระหว่างสถาบันอาหารของไทยกับสถาบันเพื่อการค้าต่างประเทศของอิตาลีหรือ ICE (10 พ.ย.2548) บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือเพื่อส่งเสริมสินค้าOTOP และ SMEs ระหว่างหอการค้าไทย–อิตาลีกับบริษัทส่งเสริมการค้าเอสเอ็มอีจำกัดหรือSTP (10 พ.ย.2548) บันทึกความเข้าใจว่าด้วย
การขยายความร่วมมือทวิภาคีระหว่างกระทรวงการต่างประเทศไทยกับกระทรวงการต่างประเทศอิตาลี
(1 ต.ค.2553) บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านกิจการอวกาศ (7 มิ.ย.2554)
ความร่วมมือด้านวิชาการ : ส่วนใหญ่เป็นโครงการด้านพลังงาน บางส่วนเกี่ยวข้องกับการเกษตร คมนาคม สาธารณูปโภค อาชีวศึกษาและการแพทย์ ปัจจุบันไทยได้รับบริการข้อมูลภาพถ่ายจากดาวเทียม COSMO-Skymed ของอิตาลีเพื่อประโยชน์ด้านพลเรือนในการติดตามและประเมินภัยพิบัติต่าง ๆ การวิเคราะห์ด้านการเกษตร และการสำรวจทางวิศวกรรม
สถานการณ์สำคัญที่น่าติดตาม :
แนวโน้มนโยบายต่างประเทศของรัฐบาลอิตาลีภายใต้ นรม.Meloni ห้วงต่อไป มีแนวโน้มจะส่งเสริมความร่วมมือกับพันธมิตรตะวันตกทั้งสหรัฐ ฯ และสหภาพยุโรปให้ใกล้ชิดเพิ่มขึ้น พิจารณาจาก
การดำเนินนโยบายที่ผ่านมาซึ่งมีทิศทางสอดคล้องกับตะวันตก เช่น การสนับสนุนยูเครนและการแข็งกร้าวต่อรัสเซีย รวมถึงมีแนวโน้มต้องการลดการพึ่งพาทางเศรษฐกิจจากจีน ซึ่งท่าทีของอิตาลีสอดคล้องกับแนวทางของมหาอำนาจในยุโรปอื่นๆ อาทิ เยอรมนี ต้องการกระชับความสัมพันธ์กับพันธมิตรตะวันตกเพิ่มขึ้นและลด
การพึ่งพาจีนลงเช่นกัน ขณะที่ภายในประเทศ อิตาลีเผชิญความท้าทายจากสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจ โดยการประเมินของทางการอิตาลีเมื่อห้วง ก.ย.2566 ปรับลดตัวเลขคาดการณ์การเติบโตของGDP ปี 2566 จากเดิมร้อยละ 1 เหลือร้อยละ 0.8 ส่วนปี 2567 ปรับลดลงจากคาดการณ์เดิมร้อยละ 1.5 เหลือร้อยละ 1.2 นอกจากนี้ ยังคาดการณ์ว่าการขาดดุลงบประมาณปี 2566 จะเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 5.3 จากคาดการณ์เดิมที่ร้อยละ 4.5 สำหรับปี 2567 คาดการณ์ว่าการขาดดุลงบประมาณจะเพิ่มเป็นร้อยละ 4.3 จากคาดการณ์เดิมที่ร้อยละ 3.7