สาธารณรัฐแอฟริกาใต้
Republic of South Africa
เมืองหลวง กรุง
พริทอเรีย
ที่ตั้ง ใต้สุดของทวีปแอฟริกา เส้นละติจูด 29 องศาใต้ และเส้นลองจิจูด 24 องศาตะวันออก พื้นที่โดยรวม 1,219,090 ตร.กม. มีชายแดนทางบกยาว 5,244 กม. และมีชายฝั่งยาว 2,798 กม.
อาณาเขต
ทิศเหนือ ติดกับบอตสวานา (1,969 กม.) และซิมบับเว (230 กม.)
ทิศตะวันออก ติดกับโมซัมบิก (496 กม.) เอสวาตินี (438 กม.) และมหาสมุทรอินเดีย
ทิศใต้ ติดกับมหาสมุทรอินเดีย
ทิศตะวันตก ติดกับนามิเบีย (1,005 กม.) และมหาสมุทรแอตแลนติก
ตอนกลางประเทศเป็นที่ตั้งของเลโซโท มีพรมแดนติดกัน (1,106 กม.)
ภูมิประเทศ เป็นที่ราบกว้างใหญ่ ล้อมรอบด้วยเนินเขาและที่ราบชายฝั่งทะเล
ภูมิอากาศ มีฝนตกน้อยด้านชายฝั่งตะวันออก มีอากาศแบบกึ่งเขตร้อน อากาศอุ่นในตอนกลางวันและเย็นสบายในตอนกลางคืน
ศาสนา คริสต์ 85.3% ศาสนาที่สืบต่อมาจากบรรพบุรุษ ชนเผ่า นับถือผี หรือศาสนาของชาวแอฟริกาดั้งเดิม 7.8% อิสลาม 1.6% ไม่นับถือศาสนา 2.9% และอื่น ๆ 2.5% (ปี 2565)
ภาษา ภาษาราชการ 12 ภาษา (ปี 2565) ได้แก่ isiZulu 24.4% isiXhosa 16.3% Afrikaans 10.06% Sepedi 10% อังกฤษ 8.7% Setswana 8.3% Sesotho 7.8% Xitsonga 4.7% siSwati 2.8% Tshivenda 2.5% isiNdebele 1.7% South African Sign Language (SASL) 0.02% และภาษาอื่น ๆ (รวมถึงภาษา Khoi, Nama และ San) 2.1%
การศึกษา อัตราการรู้หนังสือ 87% (ปี 2565)
วันชาติ 27 เม.ย. (วันเสรีภาพของแอฟริกาใต้ เมื่อปี 2537)
Matamela Cyril Ramaphosa
ประธานาธิบดีแอฟริกาใต้ และประธานพรรค African National Congress (ANC)
ประชากร 62,027,503 คน (ปี 2565)
รายละเอียดประชากร เป็นแอฟริกันผิวดำ 81.4% ผิวสี 8.2% ผิวขาว 7.3% อินเดียและเอเชีย 2.7% อัตราส่วนประชากรจำแนกตามอายุ : วัยเด็ก (0-14 ปี) 28.06% วัยรุ่นถึงวัยกลางคน (15-64 ปี) 65.6% วัยชรา (65 ปีขึ้นไป) 5.9% (ปี 2565) อายุขัยเฉลี่ยของประชากรโดยรวม 64.7 ปี อายุขัยเฉลี่ยเพศชายประมาณ 64.8 ปี อายุเฉลี่ยเพศหญิงประมาณ 71.3 ปี อัตราการเกิด 19.5 คนต่อประชากร1,000 คน อัตราการตาย 11 คนต่อประชากร 1,000 คน อัตราการเพิ่มของประชากร 1.06% (ปี 2565)
การก่อตั้งประเทศ
กลุ่มพ่อค้าชาวเนเธอร์แลนด์เดินทางมายังแอฟริกาใต้เมื่อปี 2195 และตั้งจุดพัก
บนเส้นทางการค้าเครื่องเทศระหว่างเนเธอร์แลนด์กับตะวันออกไกลที่ Cape Town ต่อมาเมื่อปี2349
สหราชอาณาจักรยึดแหลม Good Hope ทำให้ชาวเนเธอร์แลนด์ต้องอพยพขึ้นไปทางเหนือและตั้งเขตการปกครองของตนเองขึ้น การพบแหล่งเพชรและทองคำในช่วงระหว่างปี2410-2429 สร้างความร่ำรวยให้แก่ผู้ตั้งถิ่นฐานเดิม และตั้งรัฐบัวร์ (Boer) ขึ้น ต่อมา มีผู้อพยพมายังแอฟริกาใต้เพิ่มขึ้น (ส่วนใหญ่มาจาก สหราชอาณาจักร) ทำให้ชาวบัวร์ที่อาศัยอยู่เดิมถูกรุกราน ชาวบัวร์จึงทำสงครามต่อต้านสหราชอาณาจักร (Boer War) ระหว่างปี2442-2445 แต่พ่ายแพ้เมื่อปี 2491 ต่อมา ชาวอังกฤษและบัวร์ (หรือชาว Afrikaners) ร่วมกันบริหารประเทศตั้งแต่ปี 2453 ภายใต้ชื่อ สหภาพแอฟริกาใต้ (Union of South Africa) และปรับเปลี่ยนเป็นสาธารณรัฐเมื่อปี 2504 พรรคแห่งชาติที่มีชาว Afrikaners ได้เข้าบริหารประเทศเมื่อปี 2491 และประกาศใช้นโยบาย Apartheid ซึ่งเป็นนโยบายแบ่งแยกสีผิวที่เอื้อประโยชน์ต่อคนผิวขาว ซึ่งเป็นชนส่วนน้อยและกดขี่ชาวผิวสี ซึ่งเป็นชนส่วนใหญ่ พรรคสภาแห่งชาติแอฟริกัน (African National Congress-ANC) ต่อต้านนโยบาย Apartheid และผู้นำหลายคนถูกจับจำคุก รวมทั้งนาย Nelson Mandela ซึ่งถูกจำคุกนานถึง 27 ปี การประท้วงภายในประเทศและการกดดันจากนานาประเทศทำให้เกิดการเจรจาและตกลงจะถ่ายโอนอำนาจสู่การปกครองโดยคนส่วนใหญ่ รวมทั้งการปลดปล่อยนักโทษทางการเมือง นำไปสู่การเลือกตั้งหลายเชื้อชาติเมื่อปี 2537 เป็นการสิ้นสุดนโยบาย Apartheid และเริ่มการปกครองโดยรัฐบาลที่นำโดยพรรค ANC
การเมือง
ปกครองระบอบประชาธิปไตยแบบสาธารณรัฐ มีประธานาธิบดีเป็นประมุขและหัวหน้ารัฐบาล วาระดำรงตำแหน่ง 5 ปี และดำรงตำแหน่งติดต่อกันได้ไม่เกิน 2 สมัย การเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งล่าสุดเมื่อ 8 พ.ค.2562 เป็นการเลือกตั้งโดยอ้อมของสภาผู้แทนราษฎร (National Assembly) โดยประธานาธิบดี Cyril Ramaphosa ได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีแอฟริกาใต้เมื่อ 22 พ.ค.2562 หลังจากชนะการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อ 8 พ.ค.2562 โดยการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งถัดไปจะมีขึ้นใน พ.ค.2567
ฝ่ายบริหาร : ประธานาธิบดีเป็นผู้แต่งตั้ง ครม.
ฝ่ายนิติบัญญัติ : ใช้ระบบ 2 สภา คือ National Council of Provinces สมาชิก90 คน (โดย
มาจากสมาชิกสภาประจำจังหวัด จังหวัดละ 10 คน) วาระการดำรงตำแหน่ง 5 ปี (หมายเหตุ สภานี้มีอำนาจพิเศษในการปกป้องผลประโยชน์ของชาติ รวมทั้งปกป้องวัฒนธรรมและภาษาในชนกลุ่มต่าง ๆ) และ
สภาผู้แทนราษฎร (National Assembly) สมาชิก 400 คน มาจากการเลือกตั้งโดยตรง วาระการดำรงตำแหน่ง 5 ปี การเลือกตั้งทั้งสองสภาครั้งล่าสุดเมื่อ 8 พ.ค.2562 และการเลือกตั้งครั้งต่อไปจะมีขึ้นในปี 2567
ฝ่ายตุลาการ : ศาลรัฐธรรมนูญ ศาลฎีกา (Supreme Court of Appeal) ศาลสูง (High Court) ศาลชั้นต้น (Magistrates’ Courts) ศาลแรงงาน และศาลที่ดิน
พรรคการเมืองสำคัญ : พรรค African National Congress (ANC) ซึ่งเป็นพรรครัฐบาล และประธานาธิบดี Ramaphosa เป็นหัวหน้าพรรค พรรค Democratic Alliance (DA) พรรค Economic Freedom Fighters (EFF) พรรค Inkatha Freedom Party (IFP) และพรรคFreedom Front Plus (FF+)
กลุ่มที่เคลื่อนไหวกดดันรัฐบาล Congress of South African Trade Unions หรือ COSATU พรรค South African Communist Party หรือ SACP องค์กร South African National Civics Organization หรือ SANCO ทั้งนี้ COSATU และ SACP อยู่ในกลุ่มพันธมิตร 3 ฝ่าย(Tripartite Alliance) ซึ่งสมาชิกที่เหลือ ได้แก่ African National Congress
เศรษฐกิจ
แอฟริกาใต้เป็นประเทศที่มีรายได้ระดับปานกลาง เป็นตลาดใหม่ที่อุดมไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติตลาดการเงินพัฒนา มีระบบกฎหมาย การสื่อสาร พลังงาน และระบบการขนส่งที่ดี ภาคเศรษฐกิจมีด้านบริการ อุตสาหกรรม และการเกษตร ตลาดหลักทรัพย์ของแอฟริกาใต้มีขนาดใหญ่ที่สุดในแอฟริกา และใหญ่เป็นอันดับ 19 ของโลก อย่างไรก็ดี แอฟริกาใต้ยังคงประสบปัญหาขาดแคลนกระแสไฟฟ้า การว่างงาน ความไม่เท่าเทียมกัน หรือความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจสูง ทั้งนี้ แอฟริกาใต้มีการว่างงานสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มเยาวชนผิวสี
สกุลเงิน ตัวย่อสกุลเงิน : South African rand (ZAR)
อัตราแลกเปลี่ยนต่อดอลลาร์สหรัฐ : 1 ดอลลาร์สหรัฐ : 18.85 ZAR
อัตราแลกเปลี่ยนต่อบาท : 1 บาท : 0.52 ZAR (ต.ค. 2566)
ดัชนีเศรษฐกิจสำคัญ
(ปี 2565)
ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) : 405,869.73 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ : 2.0%
เงินเฟ้อ : 7%
รายได้เฉลี่ยต่อหัวต่อปี : 6,776.5 ดอลลาร์สหรัฐ
แรงงาน : 23,491,000 คน
อัตราว่างงาน : 29.8%
ผลผลิตการเกษตร : ข้าวโพด ข้าวสาลี อ้อย ผลไม้ ผัก เนื้อวัว เนื้อสัตว์ปีก เนื้อแกะ ขนสัตว์ ผลผลิตจากนมวัว
ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม : เหมืองแร่ (เป็นประเทศผู้ผลิตแพลทินัม ทองคำ และโครเมียมรายใหญ่ที่สุดของโลก) โรงงานผลิตรถยนต์เครื่องใช้โลหะ เครื่องจักรกล สิ่งทอ เหล็กและเหล็กกล้า เคมีภัณฑ์ ปุ๋ยเคมี ผลผลิตอาหาร และการซ่อมเรือพาณิชย์
ดุลการค้าระหว่างประเทศ : ได้เปรียบดุลการค้า 9,735 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
มูลค่าการส่งออก : 121,616.28 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
สินค้าส่งออก : ทองคำ เพชร แพลทินัม โลหะอื่น และสินแร่อื่น ๆ เครื่องจักรกลและอุปกรณ์
ประเทศส่งออกสำคัญ : จีน 9.61% สหรัฐฯ 8.82% เยอรมนี 7.26% ญี่ปุ่น 6.98% สหราชอาณาจักร 5.18%
มูลค่าการนำเข้า : 111,880.32 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
สินค้านำเข้า : เครื่องจักรกลและอุปกรณ์ เคมีภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์จากปิโตรเลียม อุปกรณ์วิทยาศาสตร์ และผลผลิตอาหาร
ประเทศนำเข้าสำคัญ : จีน 20% อินเดีย 7.44% เยอรมนี 7.33% สหรัฐฯ 7.33% ซาอุดีอาระเบีย 4.02% สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 3.67% ไทย 2.74% ญี่ปุ่น 2.23%
ทรัพยากรธรรมชาติ : ทองคำ โครเมียม พลวง ถ่านหิน สินแร่ เหล็ก แมงกานีส นิกเกิล ฟอสเฟต ดีบุก แร่ธาตุหายาก ยูเรเนียม อัญมณี เพชร แพลทินัม ทองแดง ธาตุโลหะสีขาวเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาในการทำเหล็ก อัลลอย เกลือ และก๊าซธรรมชาติ
การทหาร
กองทัพแห่งชาติของแอฟริกา (South African National Defense Force–SANDF) ประกอบด้วยทบ. ทร. ทอ. และหน่วยแพทย์ทหาร งบประมาณด้านการทหารเมื่อปี 2565 จำนวน 2,995.30 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็น 0.739% ของ GDP กำลังพลรวม : 74,000 นาย (ทบ. 38,000 นาย ทร. 6,650 นาย ทอ. 9,800 นาย หน่วยแพทย์ทหาร 7,300 นาย และอื่น ๆ 12,250 นาย) กองหนุน 15,050 นาย (ทบ. 12,250 นาย ทร. 850 นาย ทอ. 850 นาย หน่วยแพทย์ทหาร1,100 นาย) การส่งทหารประจำการต่างประเทศ ได้แก่ ภารกิจ MONUSCO ในคองโก 1,183นาย และกองกำลังของ Southern African Development Community ในโมซัมบิก 1,200 นาย
ยุทโธปกรณ์สำคัญ :
ทบ. ได้แก่ รถถังหลัก (MBT) 24 คัน รถถังจู่โจม (ASLT) 50 คัน รถหุ้มเกราะทหารราบ (IFV) 534 คัน รถหุ้มเกราะลำเลียงพล (APC) 810 คัน รถหุ้มเกราะกู้ภัย (ARV) รุ่น Gemsbok รถถังทอดสะพาน (VLB) รุ่น Leguan ทุ่นระเบิดดักรถถัง (Mine Warfare) รุ่น Husky อาวุธนำวิถีต่อสู้รถถัง (MSL) ปืนไร้แรงสะท้อนถอยหลังต่อสู้รถถัง (RCL) รุ่น M40A1 ปืนใหญ่ประเภทอัตตาจร (SP) ลากจูง (TOWED) เครื่องยิงระเบิด MRL และ MORรวม 1,240 กระบอก อากาศยานไร้คนขับ จรวดต่อสู้อากาศยานพื้นสู่อากาศ (SAM) และปืนต่อสู้อากาศยานประเภทอัตตาจร (SP) และลากจูง (TOWED) รวม 40 กระบอก
ทร. ได้แก่ เรือดำน้ำ 2 ลำ เรือฟริเกต 4 ลำ เรือลาดตระเวนและเรือรบชายฝั่ง 4 ลำ เรือกวาดทุ่นระเบิด 3 ลำ และเรือส่งกำลังบำรุง 2 ลำ
ทอ. ได้แก่ เครื่องบินโจมตีพื้นดิน (FGA) 24 เครื่อง เครื่องบินขนส่ง (TPT)23 เครื่อง และเครื่องบินสำหรับการฝึก (TRG) 59 เครื่อง เฮลิคอปเตอร์โจมตี (ATK) 11เครื่อง เฮลิคอปเตอร์อเนกประสงค์ (MRH) 4 เครื่อง เฮลิคอปเตอร์ขนส่ง (TPT) 69 เครื่อง ขีปนาวุธจากอากาศสู่อากาศ (AAM) และระเบิดนำวิถีด้วยเลเซอร์
สมาชิกองค์การระหว่างประเทศ ACP, AfDB, AU, BIS, C, CD, FAO, FATF, G-20, G-24, G-77, IAEA, IBRD, ICAO, ICC, ICRM, IDA, IFAD, IFC, IFRCS, IHO, ILO, IMF, IMO, IMSO, Interpol, IOC, IOM, IPU, ISO, ITSO, ITU, ITUC, MIGA, MONUSCO, NAM, NSG, OPCW, Paris Club (associate), PCA, SACU, SADC, UN, UNAMID, UNCTAD, UNESCO, UNHCR, UNIDO, UNITAR, UNWTO, UPU, WCO, WFTU, WHO, WIPO, WMO, WTO และ ZC
การขนส่งและโทรคมนาคม ท่าอากาศยาน 407 แห่ง ที่สำคัญ ได้แก่ ท่าอากาศยานนานาชาติO.R. Tambo ในนครโจฮันเนสเบิร์ก ท่าอากาศยานนานาชาติ Cape Town ในนครเคปทาวน์ และท่าอากาศยานนานาชาติ King Shaka ในเมืองเดอร์บัง ทางรถไฟระยะทาง 20,953 กม. ถนนระยะทาง 750,000 กม. ท่าเรือสำคัญ ได้แก่ Cape Town, Durban, Port Elizabeth, Richards Bay และ Saldanha Bay การโทรคมนาคม : โทรศัพท์พื้นฐานให้บริการประมาณ1.472 ล้านเลขหมาย โทรศัพท์เคลื่อนที่ 100.328 ล้าน เลขหมาย รหัสโทรศัพท์ +27 จำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ต 42.28 ล้านคน รหัสอินเทอร์เน็ต .za เว็บไซต์การท่องเที่ยว :www.southafrica.net/sat/content/en/za/home/, www.southafricatravel.com
การเดินทาง การบินไทยยกเลิกเที่ยวบินตรงระหว่างกรุงเทพฯ-นครโจฮันเนสเบิร์ก เมื่อ ม.ค.2558 และไม่มี สายการบินที่บินตรงจากไทยไปแอฟริกาใต้ ใช้เวลาเดินทางอย่างน้อยประมาณ 18 ชม. เวลาของแอฟริกาใต้ ช้ากว่าไทยประมาณ 6 ชม. คนไทยสามารถเดินทางเข้าแอฟริกาใต้ได้ 30 วัน โดยไม่ต้องขอรับการตรวจลงตรา
ความสัมพันธ์กับไทย สาธารณรัฐแอฟริกาใต้เป็นประเทศที่สำคัญที่สุดประเทศหนึ่งสำหรับไทยในทวีปแอฟริกา โดยเฉพาะการเป็นหุ้นส่วนหลักทางยุทธศาสตร์ของไทยในความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจ การเมือง และสังคม รัฐบาลไทยและแอฟริกาใต้ได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางกงสุลระหว่างกันเมื่อ 9 มี.ค.2535 และได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกันเมื่อ 9 ธ.ค.2536
หน่วยงานราชการของไทยในแอฟริกาใต้ ได้แก่ สอท. ณ กรุงพริทอเรีย สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ และสำนักงานผู้ช่วยทูตฝ่ายทหาร ขณะที่แอฟริกาใต้ก็มี สอท.ประจำอยู่กรุงเทพฯ
ด้านการค้า แอฟริกาใต้เป็นคู่ค้าอันดับ 1 ของไทยในทวีปแอฟริกา และอันดับที่ 23ของไทยในโลก โดยเมื่อปี 2565 การค้าไทย–แอฟริกาใต้มีมูลค่า 3,546.26 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นการส่งออกมูลค่า 2,795.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นำเข้ามูลค่า 750.86 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ไทยเป็นฝ่ายได้เปรียบดุลการค้า 2,044.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
สินค้าส่งออกของไทย : รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องยนต์สันดาปภายในแบบลูกสูบและส่วนประกอบ ข้าว ผลิตภัณฑ์ยาง เครื่องจักรกลและส่วนประกอบของเครื่องจักรกล เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป เม็ดพลาสติก
สินค้านำเข้าจากแอฟริกาใต้ : สินแร่โลหะอื่น ๆ เศษโลหะและผลิตภัณฑ์ เคมีภัณฑ์ เครื่องเพชรพลอย อัญมณี เงินแท่งและทองคำ ส่วนประกอบและอุปกรณ์ยานยนต์ น้ำมันดิบ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เยื่อกระดาษและเศษกระดาษ ยุทธปัจจัย เครื่องดื่มประเภทน้ำแร่ น้ำอัดลมและสุรา เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์
แอฟริกาใต้มีความสำคัญทางเศรษฐกิจกับไทยมากที่สุดในทวีปแอฟริกา เนื่องจากเป็นประเทศที่มีวัตถุดิบมาก ประชาชนมีรายได้และอำนาจการซื้อมากกว่าประเทศใกล้เคียงอื่น อีกทั้งเป็นประตูการค้าสำคัญในการส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน นอกจากนี้ แอฟริกาใต้ยังเป็นตลาดส่งออกข้าวที่สำคัญของไทย โดยเป็นประเทศผู้นำเข้าข้าวไทยอันดับที่ 2 ของโลก และอันดับที่ 1 ของภูมิภาคแอฟริกา โดย เมื่อปี 2565 แอฟริกาใต้นำเข้าข้าวประมาณ 0.984 ล้านตัน ซึ่งเป็นข้าวจากไทยประมาณ 774,929 ตัน หรือประมาณ 78.73% ของปริมาณการนำเข้าทั้งหมด ทั้งนี้ เมื่อปี 2564 มีชาวไทยพำนักอยู่ในแอฟริกาใต้จำนวน 2,661 คน และมีชาวแอฟริกาใต้เดินทางมาไทยจำนวน 1,358 คน
ปัจจุบัน นักธุรกิจแอฟริกาใต้เข้ามาลงทุนในไทย อาทิ ธุรกิจสายการบิน อุตสาหกรรมเหล็ก
และเหล็กกล้า ผลไม้กระป๋อง และธุรกิจ e-commerce เป็นต้น นอกจากนี้ แอฟริกาใต้มีโครงการที่ได้รับอนุมัติส่งเสริมการลงทุนในไทยจำนวน 1 โครงการ เป็นอุตสาหกรรมเบา(อัญมณีและเครื่องประดับ) มูลค่า 7.3 ล้านบาท สำหรับธุรกิจไทยที่ลงทุนในแอฟริกาใต้ส่วนใหญ่เป็นธุรกิจขนาดกลางและเล็ก ได้แก่ ร้านอาหาร และสปาจำนวนกว่า 20 ร้าน ปัจจุบัน มีการลงทุนขนาดใหญ่เพิ่มขึ้น อาทิ กลุ่มธุรกิจบ้านปูลงทุนในธุรกิจ การก่อสร้างโรงแรม เหมืองถ่านหิน กลุ่มเครือเจริญโภคภัณฑ์ลงทุนในธุรกิจค้าข้าว สินค้าเกษตรและอาหารแปรรูป บริษัทค้าสากลปูนซีเมนต์ไทยลงทุนธุรกิจค้าเม็ดพลาสติกและสินค้ากระป๋อง เมื่อปี 2553 บริษัทอิตาเลียนไทยลงทุนในธุรกิจก่อสร้างโรงแรมและสนามกอล์ฟ โรงงานผลิตสีสำหรับใช้กับถนนที่เมืองเดอร์บัน ซึ่งเป็นโรงงานอุตสาหกรรมของไทยแห่งแรกในแอฟริกาตอนใต้ และบริษัทThai Export 1980 (T Group) ได้เข้าไปเปิดศูนย์กระจายสินค้าในแอฟริกาใต้
สถานการณ์สำคัญที่น่าติดตาม
1) ความพยายามแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของรัฐบาล หลังจากแอฟริกาใต้เผชิญภาวะเศรษฐกิจตกต่ำและอัตราการว่างงานเมื่อปี 2564 สูงถึง 33.6% จากการได้รับผลกระทบจากปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อ COVID-19 และวิกฤตรัสเซีย-ยูเครน โดยรัฐบาลพยายามใช้ยุทธศาสตร์การพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากส่งเสริมธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง โดยเฉพาะภาคอุตสาหกรรมในท้องถิ่น เพื่อรองรับความต้องการของตลาดในประเทศ ลดการนำเข้า รวมถึงส่งเสริมให้ส่งออกไปยังต่างประเทศเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอุตสาหกรรม
ยานยนต์ เสื้อผ้า สิ่งทอ รองเท้า เครื่องหนัง สัตว์ปีก น้ำตาล การผลิตเหล็กและโลหะ และเฟอร์นิเจอร์
2) ปัญหาการขาดแคลนไฟฟ้าในแอฟริกาใต้ส่งผลกระทบต่อการพัฒนาทางเศรษฐกิจของประเทศ โดยบริษัท Eskom ซึ่งเป็นบริษัทการไฟฟ้าของรัฐบาลแอฟริกาใต้และเป็นผู้ผลิตไฟฟ้ารายหลักของประเทศ ประกาศลดการปล่อยกระแสไฟฟ้าบ่อยครั้ง เนื่องจากโรงไฟฟ้ามีอัตราการผลิตลดลง แรงงานรวมตัวหยุดงานเพื่อประท้วงเรื่องค่าแรง และโรงไฟฟ้าเสื่อมโทรม เพราะใช้งานมาเป็นเวลานาน ทำให้ประชาชนประสบปัญหาไฟฟ้าดับประมาณวันละ 6 ชั่วโมง
3) ปัญหาการเมือง โดยแอฟริกาใต้มีแนวโน้มจะเกิดการประท้วงทางการเมืองจากการที่ประชาชนไม่พอใจนโยบายเศรษฐกิจและสังคมของรัฐบาล และการปะทะกันระหว่างกองกำลังความมั่นคงของรัฐบาลกับกลุ่มผู้สนับสนุนอดีตประธานาธิบดี Jacob Zuma ของแอฟริกาใต้
4) ปัญหาต่อต้านแรงงานต่างชาติ (Xenophobia) ในแอฟริกาใต้ที่มีมาตั้งแต่ปี 2537 และเริ่มรุนแรงขึ้นเมื่อปี 2551 โดยเฉพาะแรงงานผิวสีจากประเทศอื่นในแอฟริกา เช่น ไนจีเรีย โดยชาวแอฟริกาใต้กล่าวหาว่า ชาวต่างชาติเข้ามาแย่งอาชีพ ทำให้ชาวแอฟริกาใต้ประสบความยากจนและว่างงานสูง
5) ปัญหายาเสพติด โดยแอฟริกาใต้เป็นศูนย์กลางการค้ายาเสพติดในภูมิภาคแอฟริกา Sub-Sahara และเป็นเส้นทางการขนส่งโคเคนและเฮโรอีนจากทวีปอเมริกาใต้และอัฟกานิสถานไปยังยุโรป
6) แอฟริกาใต้ เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดกลุ่มประเทศที่มีการพัฒนาทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว (BRICS) ครั้งที่ 15 ที่นครโจฮันเนสเบิร์ก เมื่อ ส.ค.2566 โดยได้ผลักดันการขยายประเทศสมาชิกเพิ่มเติม 6 ประเทศ ได้แก่ อาร์เจนตินา อียิปต์ เอธิโอเปีย อิหร่าน ซาอุดีอาระเบีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เพื่อส่งเสริมแนวปฏิบัติระหว่างประเทศ เศรษฐกิจ และการพัฒนา ที่ยั่งยืนและยุติธรรม ซึ่งแอฟริกาใต้จะกระชับความร่วมมือกับประเทศสมาชิกกลุ่ม BRICS มากขึ้น
7) ในการเลือกตั้งทั่วของแอฟริกาใต้ ปี 2567 ชาวแอฟริกาใต้ให้ความสนใจในประเด็นปัญหาเศรษฐกิจ อัตราการว่างงานที่สูง และการขาดแคลนไฟฟ้า รวมถึงความขัดแย้งทางการเมืองและการทุจริต
คอร์รัปชัน ขณะที่ความนิยมในพรรค ANC ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลปกครองแอฟริกาใต้มากว่า 30 ปี มีแนวโน้มลดลง แต่จะยังคงเป็นพรรคใหญ่ที่มีอิทธิพลทางการเมืองในประเทศ