ปฏิบัติการทางการทหารระหว่างกองทัพอิสราเอลกับกลุ่มฮะมาสในพื้นที่ฉนวนกาซา-อิสราเอลทางตอนใต้ยังคงตึงเครียด (12 ต.ค.66) และทำให้นานาชาติวิตกกังวลกับวิกฤตด้านมนุษยธรรมครั้งใหญ่ที่อาจเป็นผลจากการสู้รบครั้งนี้ เนื่องจากกองทัพอิสราเอลเดินหน้าตอบโต้และปราบปรามกลุ่มฮะมาสในฉนวนกาซาอย่างแข็งกร้าว เป้าหมายเพื่อกวาดล้างสมาชิกกลุ่มฮะมาสทั้งหมด โดยใช้ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศและปิดล้อมฉนวนกาซาโดยสมบูรณ์ มีการตัดพลังงานและไฟฟ้า โรงพยาบาลในฉนวนกาซาไม่มีทรัพยากรเพียงพอต่อการให้ความช่วยเหลือผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ จึงทำให้มีพลเรือนชาวปาเลสไตน์ได้รับความสูญเสียและผลกระทบจากสถานการณ์ครั้งนี้จำนวนมาก
ขณะที่กองทัพอิสราเอลเดินหน้าและยกระดับความเข้มข้นในปฏิบัติการทางการทหารอย่างต่อเนื่อง กลุ่มฮะมาส ซึ่งเริ่มการโจมตีตั้งแต่ 7 ต.ค.66 และมียุทธวิธีกดดันอิสราเอลด้วยการจับตัวประกัน เริ่มปรับท่าทีด้วยการเผยแพร่คลิปวิดีโอปล่อยตัวประกันผู้หญิง 1 คนและเด็ก 2 คน คาดว่าเพื่อลดแรงกดดันจากนานาชาติ และอาจเป็นสัญญาณเริ่มต้นของการเจรจาหยุดยิง
รัฐบาลอิสราเอลยังไม่มีท่าทีตอบรับการเจรจา ขณะเดียวกันก็ได้มีมติร่วมกันระหว่างรัฐบาลอิสราเอลกับพรรคฝ่ายค้านจัดตั้งรัฐบาลฉุกเฉินและ ครม.สงคราม เพื่อรับมือกับสถานการณ์สงครามครั้งนี้ ซึ่งอาจเป็นสัญญาณว่า อิสราเอลตั้งใจและพร้อมจะทำสงครามกับกลุ่มฮะมาสในระยะยาว โดย ครม.สงครามนี้จะมีหน้าที่ตัดสินใจประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการสู้รบกับกลุ่มฮะมาสเท่านั้น
ประเทศในภูมิภาคและมหาอำนาจเริ่มเพิ่มบทบาทเพื่อยุติสถานการณ์ความรุนแรง และป้องกันความเสี่ยงที่จะเกิดวิกฤตด้านมนุษยธรรมหากการสู้รบยืดเยื้อ ได้แก่ ผู้นำตุรกีประณามการโจมตีฉนวนกาซาของอิสราเอล และยืนยันว่าตุรกีกำลังเดินหน้าให้ความช่วยเหลือพลเรือนที่ได้รับผลกระทบจากความรุนแรงครั้งนี้ ส่วนกาตาร์เป็นประเทศตัวกลางในการเจรจาระหว่างกลุ่มฮะมาสกับอิสราเอลให้มีการทยอยแลกเปลี่ยนการปล่อยตัวประกันและผู้ที่ถูกควบคุมตัว โดยเริ่มจากผู้หญิงและเด็ก
อียิปต์ ซึ่งเป็นประเทศที่มีพรมแดนติดกับฉนวนกาซา และเคยมีบทบาทนำในการเป็นตัวกลางการเจรจาระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ กำลังเร่งหารือกับประเทศในภูมิภาค รวมทั้งสหรัฐฯ และอิสราเอล ให้เปิดเส้นทางปลอดภัยในการอพยพพลเรือนของต่างประเทศออกจากพื้นที่เสี่ยงภัยและพื้นที่สงคราม นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ เดินทางเยือนอิสราเอลเพื่อยืนยันว่าสหรัฐฯ สนับสนุนอิสราเอล และคาดว่าเพื่อเน้นย้ำให้อิสราเอลปกป้องผลประโยชน์ของสหรัฐฯ ในอิสราเอลด้วย โดยเฉพาะการช่วยเหลือชาวอเมริกันออกจากพื้นที่
ปัจจุบันยังไม่มีประเทศอื่น ๆ แทรกแซงสถานการณ์ความรุนแรงครั้งนี้ด้วยกำลังทหาร มีเพียงความเคลื่อนไหวของกลุ่มฮิซบุลลอฮ์ในเลบานอนที่ยิงขีปนาวุธโจมตีทางตอนเหนือของอิสราเอลเป็นระยะ ๆ ขณะที่สหรัฐอเมริกาป้องปรามความเคลื่อนไหวของอิหร่าน ทั้งทีอิหร่านปฏิเสธความเกี่ยวข้องกับการวางแผนโจมตีของกลุ่มฮะมาสครั้งนี้ ปัจจุบัน (12 ต.ค.66) ความรุนแรงและการสู้รบยังคงอยู่ในพื้นที่ฉนวนกาซา อิสราเอลตอนใต้ และบางพื้นที่ในเขตเวสต์แบงก์ อย่างไรก็ตาม สหประชาชาคิคาดการณ์ว่าเหตุการณ์ครั้งนี้อาจนำไปสู่วิกฤตด้านมนุษยธรรมในระยะยาว เนื่องจากปฏิบัติการทางการทหารของอิสราเอลสร้างความเสียหายอย่างมากต่อฉนวนกาซา อาจมีผู้พลัดถิ่นอย่างน้อย 260,000 คน และอาจเกิดวิกฤตด้านสาธารณสุขต่อชาวปาเลสไตน์ด้วย ก่อนหน้านี้มีชาวปาเลสไตน์อยู่ในฉนวนกาซาประมาณ 2.3 ล้านคน ส่วนใหญ่ปัจจุบันอยู่ในพื้นที่หลบภัยของสหประชาชาติ เพื่อรอความช่วยเหลือ
สำหรับการให้ความช่วยเหลือคนไทยมีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันมีคนไทยลงทะเบียนเพื่อขอกลับประเทศไทยเพิ่ม สำหรับรายงานคนไทยที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้เพิ่มขึ้น โดยมีผู้เสียชีวิตแล้ว 20 ราย และถูกจับไปเป็นตัวประกัน 14 ราย สำหรับคนไทยกลุ่มแรกที่ได้เดินทางกลับประเทศไทยจำนวน 15 คน เดินทางถึงไทยแล้วใน 12 ต.ค.66 และจะเดินทางอีก 80 คนใน 18 ต.ค.66
เครดิตภาพ Mohammed Abed / AFP
ติดตามอัพเดตสถานการณ์ได้ที่ https://intsharing.co/catagory/israel-palestine-66/