การแข่งขันทางการเมืองเพื่อชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ และครองเสียงข้างมากในฝ่ายนิติบัญญัติ ซึ่งจะได้อำนาจคุมนโยบายและงบประมาณของประเทศมีพัฒนาการอย่างต่อเนื่อง และเข้าสู่สภาวะที่ควรจับตามองอย่างใกล้ชิด เพราะการเมืองสหรัฐฯ จะส่งผลต่อการดำเนินนโยบาย และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
พัฒนาการล่าสุดที่น่าสนใจ เป็นผลจากที่พรรครีพับลิกันและเดโมแครต มีความชัดเจนว่าจะสนับสนุนใครเป็นผู้แทนพรรค โดยอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อายุ 78 ปี ได้รับความไว้วางใจจากพรรครีพับลิกัน ซึ่งยืนยันให้ทรัมป์เป็นผู้แทนชิงตำแหน่งผู้นำประเทศ (เป็นครั้งที่ 3 ของพรรคที่ตัดสินใจเลือกทรัมป์) คู่กับนายเจ ดี แวนซ์ ผู้ชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดี ปัจจุบันอยู่ระหว่างการหาเสียงทั่วประเทศ ด้านพรรคเดโมแครต ส่วนใหญ่สนับสนุนนางกมลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนปัจจุบันให้เป็นผู้แทนชิงตำแหน่ง หลังจากประธานาธิบดีโจเซฟ ไบเดน อายุ 81 ปี ประกาศถอนตัวจากการแข่งขัน และล่าสุดเมื่อ 24 ก.ค.67 ประธานาธิบดีไบเดนมีถ้อยแถลงผ่านสื่อมวลชน กล่าวถึงเหตุผลในการถอนตัวว่าเพื่อสร้างเอกภาพให้กับประเทศชาติ พร้อมทั้งยืนยันสนับสนุนรองประธานาธิบดีแฮร์ริสให้เป็นผู้แทนพรรคเดโมแครตคนใหม่ต่อไป อย่างไรก็ตาม ไบเดนจะยังคงอยู่ในตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ จนกว่าผู้นำคนใหม่จะสาบานตนรับตำแหน่งในต้นปี 2568
แม้ว่าพรรครีพับลิกันจะประกาศตัวผู้แทนพรรคชัดเจนแล้ว แต่ผลสำรวจความนิยมและความคิดเห็นของชาวอเมริกันส่วนใหญ่ยังสนับสนุนผู้แทนจากพรรคเดโมแครตมากกว่าเล็กน้อย โดยเฉลี่ยที่ร้อยละ 44 ต่อร้อยละ 42 โดยพรรคเดโมแครตจะประชุมพรรคใน ส.ค.67 เพื่อยืนยันตัวผู้แทนพรรคอย่างเป็นทางการ คาดว่า รองประธานาธิบดีแฮร์ริสน่าจะได้รับเลือกให้เป็นผู้แทนพรรค เนื่องจากคู่แข่งจากพรรคเดียวกัน เริ่มทยอยหันไปสนับสนุนนางแฮร์ริส และพรรคเดโมแครตก็ได้รับการบริจาคเพิ่มอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม ผลสำรวจความเห็นดังกล่าวยังไม่สามารถใช้ตัดสินผลการเลือกตั้งใน 5 พ.ย.67 ได้ เนื่องจากยังเหลือเวลาที่แต่ละฝ่ายจะใช้เพื่อโน้มน้าวใจชาวอเมริกันให้เลือกตัวเอง โดยเฉพาะชาวอเมริกันในรัฐที่ยังไม่ตัดสินใจเลือกพรรค หรือ Swing States ที่มีอยู่อย่างน้อย 6 รัฐในการเลือกตั้งปีนี้ ได้แก่ รัฐแอริโซนา จอร์เจีย มิชิแกน เนวาดา วิสคอนซิล และเพนซิลเวเนีย
การเลือกตั้งสหรัฐฯ กำลังเข้มข้นขึ้น และการเลือกตั้งครั้งนี้ไม่ใช่การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เพียงตำแหน่งเดียว เพราะจะมีการเลือกสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร วุฒิสมาชิก ผู้ว่าการรัฐ และคณะผู้เลือกตั้ง (Electoral Voter) ที่จะทำหน้าที่เป็นผู้แทนประชาชนและพรรค เข้าไปลงคะแนนเลือกประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนต่อไป เพื่อเข้าไปเป็นผู้นำในการบริหารประเทศ และตัดสินใจนโยบายต่าง ๆ ท่ามกลางสถานการณ์โลกที่เปลี่ยนแปลงเร็วและท้าทายผลประโยชน์ของชาวอเมริกัน