สำนักข่าว Nikkei Asia รายงานเมื่อ 16 ก.ย.67 อ้างข้อมูลการวิจัยของกลุ่ม Rhodium Group ระบุว่า จีนปรับทิศทางการลงทุนในต่างประเทศ จากเดิมที่เน้นสหรัฐฯ และประเทศในยุโรป ไปยังตลาดเกิดใหม่และเป็นโครงการลงทุนแบบสร้างกิจการตั้งแต่จุดเริ่มต้น (Greenfield) ไม่ใช่การซื้อหรือควบรวมกับกิจการที่มีอยู่เดิม โดยจีนให้ความสำคัญกับตลาดใกล้บ้านมากขึ้น ทำให้ภูมิภาคเอเชียกลายเป็นปลายทางการลงทุนใหญ่ที่สุดของจีนนับตั้งแต่ปี 2560 โดยเฉพาะเวียดนาม มาเลเซีย และอินโดนีเซีย
นอกจากนี้ จีนยังลงทุนในภูมิภาคอื่นเพิ่มขึ้น อาทิ แอฟริกา ละตินอเมริกา และตะวันออกกลาง ขณะที่การลงทุนในอเมริกาเหนือและยุโรปลดลง ปัจจัยสำคัญเกิดจากรัฐบาลจีนควบคุมการส่งออกแร่ธาตุสำคัญเมื่อ ก.ค.66 ผลกระทบจากมาตรการปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่น วิกฤติในภาคอสังหาริมทรัพย์ในจีน ความสัมพันธ์กับสหรัฐฯ ที่เลวร้ายลง ซึ่งส่งผลให้สหรัฐฯ เข้มงวดต่อการลงทุนจากจีนด้วยข้อห่วงกังวลด้านความมั่นคง อนึ่ง การลงทุนในต่างประเทศของจีนเริ่มฟื้นตัวหลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 มีมูลค่า 103,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อปี 2566