หนังสือพิมพ์ The Star รายงานเมื่อ 28 ก.ย.67 ว่า ประธานาธิบดีโจเซฟ ไบเดนของสหรัฐฯ ให้การต้อนรับนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีต่างประเทศของไทย เมื่อ 27 ก.ย.67 ที่งานเลี้ยงรับรองหัวหน้าคณะผู้แทนรัฐสมาชิกสหประชาชาติ ณ Metropolitan Museum of Art นครนิวยอร์ก หลังเสร็จสิ้นการประชุม สมัชชาสหประชาชาติสมัยสามัญ (UNGA) ครั้งที่ 79 (25 ก.ย.67) โดยนายมาริษได้ย้ำถึงความสัมพันธ์ทวิภาคีไทย-สหรัฐฯ ที่ใกล้ชิดและยาวนานเกือบ 200 ปี ซึ่งปัจจุบันครอบคลุมความร่วมมือในทุกมิติ กับทั้งยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะร่วมดำเนินการกับสหรัฐฯ เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ ผู้นำสหรัฐฯ ได้กล่าวสุนทรพจน์ในการประชุม UNGA ครั้งที่ 79 ซึ่งจะเป็นครั้งสุดท้ายของการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดยเน้นย้ำถึงความร่วมมือของสมาชิก UN เพื่อรับมือกับความท้าทาย และภัยคุกคามใหม่ที่โลกจะต้องเผชิญในอนาคต พร้อมกับหาโอกาสใหม่ ส่วนกรณียูเครน สหรัฐฯ ยังคงยืนยันการสนับสนุนความช่วยเหลือด้านต่างๆ ให้กับยูเครนเพื่อรับมือกับการรุกรานจากรัสเซีย ซึ่งรวมถึงการเสริมสร้างขีดความสามารถของ NATO สหรัฐฯ ยังให้ความสำคัญกับการกระชับความร่วมมือกับจีนเพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติด และไม่ละเลยต่อการแข่งขันทางเศรษฐกิจที่ไม่เป็นธรรมของจีน รวมทั้งการใช้กองกำลังข่มขู่ในพื้นที่ทะเลจีนใต้ โดยสหรัฐฯ จะยังกระชับความร่วมมือกับเครือข่ายและพันธมิตรในอินโด-แปซิฟิกสู่การเป็นภูมิภาคที่เสรี เปิดกว้าง มีความมั่นคงและสันติสุข ขณะที่สถานการณ์ในตะวันออกกลาง สหรัฐฯ ยังคงผลักดันข้อตกลงหยุดยิงและแนวทางแก้ไขปัญหาเพื่อสร้างเสถียรภาพและความมั่นคงในภูมิภาค ที่ฮะมาสและกลุ่มก่อการร้ายอื่นๆ เป็นผู้ก่อปัญหา อีกทั้งสหรัฐฯ ยังระบุ เตรียมงบประมาณช่วยเหลือประเทศในแอฟริกา 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อป้องกันการระบาดของโรคฝีดาษลิง และจะบริจาควัคซีนเพิ่มอีก 1 ล้านโดส นอกจากนี้ ผู้นำสหรัฐฯ ยังย้ำถึงความสำคัญของ AI ที่จะมีผลต่อรูปแบบการใช้ชีวิต การทำงาน และการสงครามในโลกอีก 2-10 ปีข้างหน้าที่ทุกประเทศต้องเตรียมพลเมืองให้พร้อมรับกับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วทางเทคโนโลยี