เว็บไซต์ Forbes รายงานเมื่อ 21 ก.ย.68 ว่า สหรัฐฯ ประกาศดึงดูดเศรษฐีต่างชาติให้ย้ายถิ่นพำนักมาสหรัฐฯ มากขึ้น ภายใต้คำสั่งฝ่ายบริหารของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในโครงการ “Gold Card” แบ่งเป็น 1) จ่ายเงิน 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แลกกับสิทธิพำนักถาวรในสหรัฐฯ หรือ “Trump Gold Card” และ 2) ภาคธุรกิจที่จ่าย 2 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อพนักงานหนึ่งคน จะได้สิทธิพำนักถาวรในสหรัฐให้กับพนักงาน (ไม่ระบุจำนวนพนักงาน) หรือ “Trump Corporate Gold Card” โดยจะเปิดโอกาสให้โอนสิทธิพำนักจากพนักงานคนหนึ่งไปให้อีกคนหนึ่งได้ โดยมีค่าธรรมเนียมการโอนและต้องผ่านการตรวจสอบของกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ กับทั้งต้องจ่ายค่าธรรมเนียมรายปีประมาณ 15,000 ดอลลาร์สหรัฐ โครงการดังกล่าว จะนำมาใช้แทนการตรวจลงตราประเภท EB-1 หรือ EB-2 ซึ่งสงวนไว้สำหรับบุคคลที่มีความสามารถพิเศษหรือมีวุฒิวิชาชีพขั้นสูง นอกจากนี้ สหรัฐฯ มีแผนจะออกบัตร“Trump Platinum Card” มูลค่า 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งผู้ถือบัตรดังกล่าว สามารถพำนักในสหรัฐฯ ได้นาน 270 วัน โดยไม่ต้องเสียภาษีสำหรับรายได้ที่เกิดขึ้นนอกสหรัฐฯ โดยเงินที่ได้จากโครงการใหม่นี้ จะแยกเป็นกองทุนพิเศษภายใต้การดูแลของ กค.สหรัฐฯ เพื่อส่งเสริมการพาณิชย์และอุตสาหกรรมของประเทศ ตลอดจนการแก้ปัญหาหนี้สาธารณะ อย่างไรก็ดี มาตรการดังกล่าว ฝ่ายนิติบัญญัติต้องเห็นชอบก่อน