นายเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ (บอง บอง) ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของฟิลิปปินส์ จะเข้ารับตำแหน่ง ถัดจากประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตอร์เตใน 30 มิถุนายน 2565 นี้ ทำให้หลายฝ่ายจับตามองว่า บอง บองจะดำเนินนโยบายต่างประเทศ เหมือนหรือต่าง จากดูเตอร์เต เพราะนโยบายต่างประเทศของฟิลิปปินส์จะเกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาทะเลจีนใต้โดยตรง และการแข่งขันอิทธิพลจีนกับสหรัฐฯ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างมาก
ตลอดระยะเวลา 6 ปี ดูเตอร์เตพยายามใกล้ชิดจีนมากขึ้น ในช่วง 6 เดือนแรกที่ดำรงตำแหน่งใหม่ๆ ดูเตอร์เตได้เดินทางไปเยือนจีน และกลับมาพร้อมเงินกู้และความช่วยเหลือจากจีน 24,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในโครงการโครงสร้างพื้นฐาน Build! Build! Build! แต่ความสัมพันธ์ระหว่างฟิลิปปินส์-จีน ก็มีอุปสรรคอยู่บ้าง เมื่อโครงการดังกล่าวกลับไม่มีความคืบหน้ามากนัก แม้จีนจะเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของฟิลิปปินส์ แต่ในแง่ของการลงทุนจากต่างประเทศ จีนยังคงเป็นรองประเทศอื่น เมื่อเทียบกับญี่ปุ่นที่มีมูลค่าการลงทุน 16,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐระหว่างปี 2562-2564 สหภาพยุโรปอยู่ที่ 657 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สหรัฐฯ อยู่ที่ 607 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนจีนอยู่ที่ 496 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่างดูเตอร์เตกับสหรัฐฯ ก็ไม่สู้ดีนัก เห็นได้ชัดเมื่อดูเตอร์เตยกเลิกข้อตกลง Visiting Forces Agreement-AFS กับสหรัฐฯ เพื่อตอบโต้ที่วิพากษ์วิจารณ์การละเมิดสิทธิมนุษยชนของฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ดูเตอร์เตขยับเข้าใกล้ชิดจีนมากขึ้น โดยข้อตกลงฉบับนี้มีอายุกว่า 23 ปี และอนุญาตให้กองทัพสหรัฐฯเข้ามาฝึกซ้อมการช่วยเหลือทางการทหารและมนุษยธรรมในฟิลิปปินส์ได้หลายสิบครั้งต่อปี ข้อตกลงฉบับนี้ยังมีส่วนสำคัญในการช่วยเหลือต่อต้านการก่อการร้ายทางภาคใต้ของฟิลิปปินส์อีกด้วย
ถัดมาในปี 2564 ความสัมพันธ์ระหว่างฟิลิปปินส์กับสหรัฐฯ เริ่มดีขึ้น เมื่อจีนใช้กองกำลังรักษาชายฝั่งและ กองกำลังสำรองทางทะเลกดดันฟิลิปปินส์มากขึ้นในข้อพิพาททะเลจีนใต้ หรือทะเลฟิลิปปินส์ตะวันตก ดูเตอร์เตก็เปลี่ยนใจมาขยายระยะเวลาข้อตกลง AFS ไปจนถึงธันวาคม 2564 หลังจากสหรัฐฯ สนับสนุบวัคซีน COVID-19 3 ล้านโดส
สำหรับบอง บอง ได้พูดถึงนโยบายต่างประเทศในยุคของตนว่า จะรักษา “ความสัมพันธ์ที่พิเศษ” กับสหรัฐฯ และจะเป็นมิตร และไม่เป็นศัตรูกับประเทศอื่น ซึ่งตีความได้ว่า ฟิลิปปินส์จะระมัดระวังในการดำเนินความสัมพันธ์ทั้งสหรัฐฯ และจีน โดยคาดว่าบอง บอง จะดำเนินนโยบายใกล้ชิดกับจีนทางเศรษฐกิจ และรักษาพันธมิตรทางด้านความมั่นคงกับสหรัฐฯ เห็นได้จากคำมั่นที่บอง บอง จะสานต่อโครงการ Build! Build! Build! ของดูเตอร์เตเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจฟิลิปปินส์จากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ซึ่งเป็นอีกหนึ่งหัวใจสำคัญที่ใช้รณรงค์หาเสียงเลือกตั้งในช่วงที่ผ่านมา ยิ่งไปกว่านั้น การลงทุนของจีนยังสามารถตอบสนองผลประโยชน์กลุ่มทางการเมือง ที่มีส่วนร่วมในโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของจีนในฟิลิปปินส์อีกด้วย
แต่คาดว่าบอง บอง จะไม่ออกหน้าออกตาชัดเจนเหมือนดูเตอร์เต ที่ประกาศเว้นระยะห่างจากสหรัฐฯ และเยือนจีนทันทีที่ได้รับตำแหน่ง ขณะที่จีนมีแนวโน้มจะกระชับความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับบอง บอง เช่นเดียวกับความสัมพันธ์ระหว่างประธานาธิบดีสี จิ้นผิงและดูเตอร์เต ที่ทั้งสองคนเรียกว่าเป็นมิตรภาพส่วนตัว เพราะวิธีการนี้จะทำให้จีนได้เปรียบในการขยายอิทธิพลในฟิลิปปินส์ ในห้วงการบริหารงานของประธานาธิบดีคนใหม่ใน 6 ปีข้างหน้า
—————————————————