สำนักข่าว Al Arabiya รายงานเมื่อ 20 ก.ค.66 อ้างนาย Abdulla bin Touq Al Marri รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (United Arab Emirates – UAE) เปิดเผยเมื่อวันเดียวกันว่า UAE ต้องการเร่งการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ เพื่อให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) มีมูลค่าเพิ่มขึ้นเป็น 3 ล้านล้านดิรฮัม (Dirham-AED) หรือ 817,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี 2573 โดย UAE มุ่งเพิ่มการจัดทำข้อตกลงและความร่วมมือด้านการค้า การลงทุน และเศรษฐกิจ กับนานาประเทศเพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว แม้ว่ามีความเสี่ยงเผชิญผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจจีนชะลอตัวและการหยุดชะงักของระบบการเงินโลก
ทั้งนี้ UAE ซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่อันดับ 3 ของกลุ่มประเทศผู้ส่งน้ำมันเป็นสินค้าออก (Organization of the Petroleum Exporting Countries-OPEC) ยังต้องการส่งเสริมบทบาทการเป็นศูนย์กลางด้านธุรกิจและการเงินระดับโลกของประเทศ โดยห้วงปี 2564-2565 UAE ลงนามข้อตกลงการค้ามูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐ กับหลายประเทศ ที่สำคัญเช่น อินเดีย อินโดนีเซีย และตุรกี
เมื่อปี 2565 GDP ของ UAE ขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 8 ซึ่งมีปัจจัยบวกมาจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น อย่างไรก็ดี กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (International Monetary Fund-IMF) คาดการณ์ GDP ของ UAE ในปี 2566 จะขยายตัวลดลงอยู่ที่ร้อยละ 3.5