ไม่ว่ากลุ่มคนประท้วงต่อต้านสงครามอิสราเอล-กลุ่มฮะมาสในสหรัฐอเมริกาจะมีเป้าหมายเพื่อผลักดันให้ยุติสงคราม หรือเข้าข้างฝ่ายใด แต่ก็ส่งผลกระทบต่อการเมืองภายในของสหรัฐอเมริกาที่จะมีการเลือกตั้งทั่วไปในรอบ 4 ปี ในปลายปี 2567 สื่อมวลชนสหรัฐอเมริกาได้เปิดเผยผลการสำรวจความนิยมจากชาวอเมริกันในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา (4-5 พ.ย.66) ผลสรุปออกไปในทิศทางที่ว่า ชาวอเมริกันซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในวัยหนุ่มสาวที่ตอบผลการสำรวจ เชื่อมั่นในตัวอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ (พรรครีพับลิกัน) มากกว่าประธานาธิบดีโจเซฟ ไบเดน (พรรคเดโมแครต) ในความสามารถที่จะจัดการกับปัญหาสงครามอิสราเอล-กลุ่มฮะมาส นอกจากนี้ ผู้นำมุสลิมและผู้นำอาหรับในสหรัฐอเมริกาก็ไม่ค่อยพอใจการจัดการเรื่องนี้ของประธานาธิบดีไบเดนมากนัก
ผู้ชุมนุมส่วนใหญ่ที่ประท้วงรัฐบาลประธานาธิบดีไบเดนในสหรัฐอเมริกาในช่วงนี้ เลือกจะอยู่ข้างปาเลสไตน์อย่างเต็มที่ ด้วยการอ้างเหตุผลด้านมนุษยธรรมให้กับชาวปาเลสไตน์ที่ต้องสูญเสียชีวิต พลัดที่อยู่ เผชิญความอดอยาก และความเจ็บป่วย โดยเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ( 4 พ.ย.66) ข่าวการประท้วงเข้าข้างปาเลสไตน์ ยังเกิดขึ้นในเมืองสำคัญ ๆ ทั่วสหรัฐอเมริกา ซึ่งบางแห่งมีจำนวนมาก เช่น ในวอชิงตันดี.ซี. และแคลิฟอร์เนีย ที่รูปแบบมีทั้งชูป้าย ตะโกนเรียกร้อง ปิดถนน และวางดอกไม้ เป็นต้น
ส่วนการประท้วงอีกรูปแบบหนึ่ง ได้แก่ ไปปิดท่าเรือ เพื่อไม่ให้มีการขนส่งอาวุธไปให้อิสราเอล โดยเมื่อ 3 พ.ย.66 ได้เห็นภาพผ่านทางสื่อมวลชนต่างประเทศที่มีผู้สนับสนุนฝ่ายปาเลสไตน์นับร้อยคน เดินเท้าไปยังท่าเรือโอ็คแลนด์ (Port of Oakland) ในรัฐแคลิฟอร์เนีย เพื่อขัดขวางมิให้เรือชื่อ Cape Orlando ของสหรัฐอเมริกาที่ต้องสงสัยว่าอาจมีอาวุธ หรือเตรียมจะไปขนอาวุธ และยุทโธปกรณ์ที่ท่าเรือ Tacoma ในรัฐวอชิงตัน เพื่อไปให้กับอิสราเอลใช้ช่วยรบในฉนวนกาซา แต่ท้ายที่สุดก็ไม่สามารถขัดขวางได้ แต่ผู้ชุมนุมก็ไม่ย่อท้อประกาศว่าจะไปขัดขวางการขนส่งของเรือ Cape Orlando ที่ต้องแวะเทียบท่าที่ Tacoma ในรัฐวอชิงตัน ซึ่งเมื่อ 6 พ.ย.66 ก็มีการไปชุมนุมขัดขวางการออกเรือของ Cape Orlando โดยมีรายงานว่าคนจัดการชุมนุมคือ Arab Resource and Organizing Center
ภาวะสงครามระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮะมาสที่ยืดเยื้อ ก็จะยิ่งมีผลต่อคะแนนนิยมของรัฐบาลประธานาธิบดีไบเดน เนื่องจากนโยบายต่างประเทศของสหรัฐอเมริกาที่อยู่ข้างอิสราเอลมาโดยตลอด และสหรัฐอเมริกาก็ให้การสนับสนุนงบประมาณด้านการทหารของอิสราเอล ประมาณร้อยละ 16 ของงบด้านการทหารทั้งหมดของอิสราเอล นอกจากนี้ เมื่อต้น พ.ย.66 สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐอเมริกาก็เห็นชอบที่สหรัฐอเมริกาจะให้ความช่วยเหลือด้านการทหารแก่อิสราเอลจำนวน14.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งก็รอเพียงวุฒิสภาให้ความเห็นชอบเท่านั้น