เวียดนาม
ระบุเมื่อ 15 ส.ค.64 จะจัดซื้อวัคซีนของบริษัท Pfizer จำนวน 20 ล้านโดส เพิ่มเติมจากที่จัดซื้อแล้ว 31 ล้านโดส เมื่อ พ.ค.64 เพื่อเร่งฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมร้อยละ 70 ของประชากรทั้งหมด 96 ล้านคน
ระบุเมื่อ 15 ส.ค.64 จะจัดซื้อวัคซีนของบริษัท Pfizer จำนวน 20 ล้านโดส เพิ่มเติมจากที่จัดซื้อแล้ว 31 ล้านโดส เมื่อ พ.ค.64 เพื่อเร่งฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมร้อยละ 70 ของประชากรทั้งหมด 96 ล้านคน
ระบุเมื่อ 15 ส.ค.64 จะเริ่มผ่อนคลายมาตรการ Lockdown ระยะที่ 1 ใน 16 ส.ค.64 โดยอนุญาตให้ร้านทำผม ร้านจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้า ร้านจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ ร้านจำหน่ายอุปกรณ์กีฬา และร้านจำหน่ายอุปกรณ์รถยนต์ เปิดทำการได้ตามปกติ แต่จำกัดให้เข้าใช้บริการเฉพาะผู้ที่ฉีดวัคซีนครบโดสเท่านั้น
ประกาศเมื่อ 14 ส.ค.64 เพิ่มสหรัฐฯ ในบัญชีรายชื่อประเทศที่มีความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 สูง โดยผู้ที่จะเดินทางเข้าเยอรมนีจากสหรัฐฯ ตั้งแต่ 15 ส.ค.64 ต้องเป็นผู้ได้รับวัคซีนครบโดส หายจากโรค COVID-19 แล้ว หรือมีเหตุจำเป็นอย่างยิ่ง หากไม่มีหลักฐานมาแสดงจะต้องกักตัว 10 วัน
ระบุเมื่อ 14 ส.ค.64 จะจัดซื้อวัคซีนป้องกันโรค COVID-19 จากบริษัท Moderna จำนวน 40 ล้านโดส ในห้วงปี 2565-2566 พร้อมเรียกร้องให้ประชาชนทุกคนเข้ารับวัคซีน เนื่องจากมีการแพร่ระบาดระลอกใหม่จากเชื้อสายพันธุ์เดลตา ซึ่งผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่เป็นผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีน
ประกาศเมื่อ 14 ส.ค.64 บังคับใช้มาตรการ Lockdown ในรัฐนิวเซาท์เวลส์ ตั้งแต่ 14 ส.ค.64 เวลา 17.00 น. หลังตรวจพบผู้ติดเชื้อ COVID-19 รายใหม่ 466 ราย และเสียชีวิต 4 ราย โดยประชาชนสามารถออกนอกเคหสถานได้เฉพาะเหตุจำเป็น และต้องอยู่ในรัศมี 5 กม. เช่น ไปซื้ออาหารและของใช้จำเป็น
ระบุเมื่อ 13 ส.ค.64 ตรวจพบผู้ติดเชื้อ COVID-19 รายใหม่ 20,366 ราย และมีผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงจำนวน 1,478 ราย เมื่อ 13 ส.ค.64 สูงที่สุดตั้งแต่มีการเก็บข้อมูล โดยกรุงโตเกียวเป็นพื้นที่ที่มีผู้ติดเชื้อรายใหม่มากที่สุด จำนวน 5,773 ราย ส่วนใหญ่มีอายุระหว่าง 40-50 ปี และร้อยละ 89.9 ติดเชื้อสายพันธุ์เดลตา
ระบุเมื่อ 13 ส.ค.64 ถึงผลการวิจัยของ สธ.อินโดนีเซีย พบว่า มีบุคลากรทางการแพทย์ในกรุงจาการ์ตาที่ฉีดวัคซีนครบโดส ติดเชื้อ COVID-19 ร้อยละ 5.03 และเสียชีวิตร้อยละ 0.01 ระหว่าง เม.ย.-มิ.ย.64 เพิ่มขึ้น 5 เท่า จากห้วง ม.ค.-มี.ค.64 โดยส่วนใหญ่ติดเชื้อสายพันธุ์เดลตา
ระบุเมื่อ 13 ส.ค.64 ปฏิเสธคำร้องขององค์การอนามัยโลก (WHO) ในการสอบสวนต้นตอโรค COVID-19 ระยะที่ 2 และยืนยันการสอบสวนในระยะที่ 1 เมื่อ ม.ค.64 ซึ่งบ่งชี้ว่า เชื้อไวรัสอาจแพร่กระจายจากค้างคาวมาสู่คนน่าจะเป็นข้อสรุปที่มีความเป็นไปได้มากที่สุด
ระบุเมื่อ 13 ส.ค.64 จะเร่งฉีดวัคซีนป้องกันโรค COVID-19 ให้กับพลเมืองเมียนมาที่มีบัตรประจำตัวประชาชนเป็นลำดับแรก และจะฉีดวัคซีนให้กับผู้ที่อาศัยอยู่ในเมียนมาทั้งหมดในลำดับต่อไป ทำให้ชาวโรฮีนจาที่ไม่มีบัตรประจำตัวประชาชนยังไม่อยู่ในบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิเข้ารับวัคซีนระยะแรก
ระบุเมื่อ 13 ส.ค.64 ว่า สำนักงานควบคุมและป้องกันโรคของเกาหลีใต้ (KDCA) ปรับลดอายุผู้มีคุณสมบัติเข้ารับวัคซีนของบริษัท AstraZeneca เป็น 30 ปีขึ้นไป จากเดิมที่กำหนดไว้ 50 ปีขึ้นไป หลังต้องทำลายวัคซีนที่หมดอายุ เนื่องจากประชาชนบางส่วนไม่เข้ารับวัคซีนตามนัดหมาย