รัสเซีย
มีคำสั่งเมื่อ 20 ต.ค.64 ให้ประชาชนหยุดงานทั่วประเทศ ตั้งแต่ 30 ต.ค.-7 พ.ย.64 เนื่องจากตรวจพบผู้ติดเชื้อ COVID-19 รายใหม่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยลูกจ้างทั้งหมดจะยังคงได้รับค่าจ้างเต็มจำนวนในช่วงเวลาดังกล่าว
โมร็อกโก
ระบุเมื่อ 20 ต.ค.64 ห้ามอากาศยานพาณิชย์จากเนเธอร์แลนด์ เยอรมนี และสหราชอาณาจักร ทำการบินเข้าโมร็อกโกเป็นการชั่วคราวตั้งแต่ 23.59 น. จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง เนื่องจากห่วงกังวลต่อกรณีทั้งสามประเทศตรวจพบผู้ติดเชื้อ COVID-19 รายใหม่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
สิงคโปร์
ระบุเมื่อ 20 ต.ค.64 เตรียมปรับมาตรการควบคุมโรค COVID-19 สำหรับสถานศึกษา โดยกำหนดให้นักเรียนชั้นประถมศึกษาตรวจหาเชื้อ COVID-19 แบบ Antigen Rapid Test (ART) ทุกสองสัปดาห์ตั้งแต่ 31 ต.ค.64 โดยจะเริ่มแจกชุดตรวจให้นักเรียนคนละ 10 ชุดใน 25 ต.ค.64
อินโดนีเซีย
ระบุเมื่อ 20 ต.ค.64 ต้องการตั้งโรงงานผลิตยา Molnupiravir ซึ่งเป็นยาต้านไวรัส COVID-19 ในอินโดนีเซีย โดยคณะผู้แทนรัฐบาลอินโดนีเซียเดินทางไปสหรัฐฯ เพื่อพบหารือกับผู้แทนบริษัท Merck เกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการตั้งโรงงานดังกล่าว
สิงคโปร์
ระบุเมื่อ 20 ต.ค.64 ห่วงกังวลถึงความสามารถในการรองรับผู้ป่วยของ รพ. เนื่องจากพบผู้ติดเชื้อ COVID-19 รายใหม่ 3,994 ราย สูงที่สุดตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 และมีผู้ป่วยที่ต้องเข้ารับการรักษาในห้อง ICU เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
กัมพูชา
ระบุเมื่อ 20 ต.ค.64 เปิดรับผู้เดินทางเข้าประเทศที่ฉีดวัคซีนป้องกันโรค COVID-19 ทุกประเภทโดยไม่แบ่งแยกชนิด แต่ต้องเป็นวัคซีนที่องค์การอนามัยโลก (WHO) อนุมัติใช้เป็นกรณีฉุกเฉิน (EUL)
สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
ระบุเมื่อ 19 ต.ค.64 ผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรค COVID-19 เพิ่มเติม โดยอนุญาตให้ประชาชนจัดงานเลี้ยงสังสรรค์ งานแต่งงาน และพิธีทางศาสนาในที่พักส่วนตัวได้ ภายใต้เงื่อนไข เช่น จำกัดผู้เข้าร่วมงานไม่เกิน 60 คน และผู้เข้าร่วมงานต้องได้รับวัคซีนครบโดสแล้วอย่างน้อย 14 วัน
สหรัฐฯ
ระบุเมื่อ 19 ต.ค.64 เพิ่มความช่วยเหลือในการป้องกันโรค COVID-19 ให้กับบังกลาเทศอีก 25 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ผ่าน สนง.เพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศ (USAID) ซึ่งจะครอบคลุมการสนับสนุนเครื่องมือทางการแพทย์ และการจัดสรรวัคซีนให้มีประสิทธิภาพ
เมียนมา
ระบุเมื่อ 19 ต.ค.64 เตรียมเปิดประเทศเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและรับนักท่องเที่ยวต่างชาติในต้นปี 2565 หลังการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ในเมียนมาเริ่มบรรเทาลง โดยเมียนมาอยู่ระหว่างเจรจากับประเทศต่าง ๆ ซึ่งเป้าหมายในระยะแรกคือไทย กัมพูชา และเวียดนาม
สหรัฐฯ
ระบุเมื่อ 18 ต.ค.64 องค์การอาหารและยาของสหรัฐฯ (FDA) อาจอนุญาตให้ชาวอเมริกันฉีดวัคซีนป้องกันโรค COVID-19 เข็มกระตุ้นแบบผสมหรือไขว้กันได้ระหว่างวัคซีน Johnson & Johnson ซึ่งเป็นวัคซีนชนิดเข็มเดียว กับวัคซีนของบริษัท Moderna หรือ Pfizer เพื่อกระจายการฉีดวัคซีนให้กับชาวอเมริกันได้มากขึ้น