อินเดีย
ระบุเมื่อ 4 ต.ค.64 ฉีดวัคซีนป้องกันโรค COVID-19 เข็มแรกให้ประชากรวัยผู้ใหญ่แล้วร้อยละ 70 โดยรัฐบาลอินเดียตั้งเป้าหมายฉีดวัคซีนให้ประชากรวัยผู้ใหญ่ทุกคนภายใน ธ.ค.64 ซึ่งมีประมาณ 940 ล้านคน
มาเลเซีย
ระบุเมื่อ 4 ต.ค.64 จะฉีดวัคซีนป้องกันโรค COVID-19 แบบไขว้ ซึ่งผู้ที่จะได้รับวัคซีนเข็มที่ 3 ไม่จำเป็นต้องได้รับวัคซีนชนิดเดียวกับ 2 เข็มแรก โดยจะเริ่มฉีดวัคซีนเข็ม 3 ให้ผู้สูงอายุในรัฐซาราวักใน ต.ค.64
สหรัฐฯ
ระบุเมื่อ 4 ต.ค.64 ให้ จนท.รัฐบาลกลางสหรัฐฯ ฉีดวัคซีนป้องกันโรค COVID-19 ของบริษัท Pfizer และ Moderna ครบ 2 เข็ม หรือวัคซีนของบริษัท Johnson & Johnson ซึ่งเป็นวัคซีนชนิดเข็มเดียว ภายใน 8 พ.ย.64
นิวซีแลนด์
ระบุเมื่อ 4 ต.ค.64 ขยายเวลาบังคับใช้มาตรการ Lockdown ระดับ 3 ในนครโอ๊คแลนด์ แต่จะผ่อนปรนมาตรการควบคุมโรคบางส่วนตั้งแต่ 6 ต.ค.64 อาทิ อนุญาตให้รวมกลุ่มได้ไม่เกิน 10 คน เปิดการเรียนการสอนระดับปฐมวัย และเปิดชายหาด
ลาว
ระบุเมื่อ 4 ต.ค.64 ขยาย รพ.สนามในนครหลวงเวียงจันทน์เพิ่ม 3 แห่ง เพื่อรองรับผู้ติดเชื้อที่มีจำนวนเพิ่มขึ้น ได้แก่ 1) รพ.สนามดาวเรือง (บริเวณสะพานมิตรภาพลาว-ไทย แห่งที่ 1) ขนาด 800 คน 2) รพ.สนาม สนามกีฬาหลัก 16 ขนาด 360 คน และ 3) รพ.สนามโรงเรียนฝึกอบรมวิชาชีพคนพิการสีเกิด ขนาด 600 คน
ลาว
ระบุเมื่อ 4 ต.ค.64 รับเงินบริจาคจากบริษัท Prince Holding Group ของกัมพูชา จำนวน 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ผ่านทาง สอท.ลาว/ราชธานีพนมเปญ กัมพูชา เพื่อใช้รับมือการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ในลาว
สหราชอาณาจักร
ระบุเมื่อ 3 ต.ค.64 จะปรับลดประเทศที่ไม่แนะนำให้เดินทางไปเนื่องจากวิกฤต โรค COVID-19 (ประเทศกลุ่มสีแดง) จากเดิม 54 ประเทศ รวมถึงไทย เหลือ 9 ประเทศ โดยผู้ที่ฉีดวัคซีนป้องกันโรค COVID-19 ครบโดสจะไม่ต้องกักตัวในโรงแรม และไม่ต้องแสดงผลการตรวจหาเชื้อ
อินเดีย
ระบุเมื่อ 3 ต.ค.64 ฉีดวัคซีนป้องกันโรค COVID-19 ให้ประชาชนแล้ว 905,175,348 คน ระหว่าง 16 ม.ค.-3 ต.ค.64 โดยฉีดวัคซีนโดสแรกจำนวน 658,277,760 คน และโดสที่ 2 จำนวน 246,897,588 คน
นิวซีแลนด์
ระบุเมื่อ 3 ต.ค.64 ให้ชาวต่างชาติที่จะเดินทางเข้านิวซีแลนด์ตั้งแต่ 1 พ.ย.64 ต้องฉีดวัคซีนป้องกันโรค COVID-19 ครบโดสแล้วเท่านั้น
กาตาร์
ระบุเมื่อ 2 ต.ค.64 จะเริ่มผ่อนปรนมาตรการควบคุมโรค COVID-19 ใน 3 ต.ค.64 โดยอนุญาตให้ร้านอาหารที่ได้รับการรับรอง Qatar Clean ในพื้นที่โล่งให้บริการได้ร้อยละ 100 และร้านอาหารในพื้นที่ปิดให้บริการได้ร้อยละ 75 ส่วนร้านที่ไม่ได้รับการรับรองให้บริการได้ร้อยละ 50 และร้อยละ 40 ตามลำดับ