“Downshifting” ในยุคที่การทำงานหนักอาจไม่ใช่คำตอบสุดท้ายของโจทย์ชีวิต
ในห้วงสิบปีที่ผ่านมา เชื่อว่าหลายคนคงคุ้นเคยกับคำว่า “Work-Life Balance” หรือแนวคิดในการสร้างสมดุลระหว่างชีวิตการทำงานและชีวิตส่วนตัวเพื่อลดความเครียด ความเหนื่อยล้า และสร้างความสุขและราบรื่นในชีวิตทั้งสองด้าน แต่ในยุคปัจจุบันเกิดแนวคิดที่อาจเรียกได้ว่าเป็นแนวคิดคนละเรื่องเดียวกันกับ Work-Life Balance นั่นก็คือ “Downshifting” ถ้าแปลกันอย่างตรงตัวในคำนี้เป็นคำศัพท์ยานยนต์ จะหมายความถึงการเปลี่ยนเป็น “เกียร์ต่ำ” ถ้าพูดกันในบริบทของการทำงานและการใช้ชีวิต “Downshifting” คือแนวคิดการใช้ชีวิตที่ลดความซับซ้อนลง ลดความสำคัญของความก้าวหน้าในอาชีพการงาน การลดความทะเยอทะยาน และการให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิตมากขึ้น กลุ่ม Downshifter หรือ ‘นักลดเกียร์’ มักเลือกที่จะออกจากงานประจำ หรือทำงานน้อยลง หรือเปลี่ยนไปทำงานที่มีความเครียดต่ำ แม้ว่าอาจจะได้เงินค่าตอบแทนที่ลดลง ความก้าวหน้าที่น้อยลง แต่ก็แลกกับการที่ไม่ต้องเครียด มีเวลาให้กับตัวเอง ให้กับครอบครัวมากยิ่งขึ้น แนวคิดนี้สวนทางกับค่านิยมการทำงานในยุคก่อน ๆ ที่ถูกสอนว่า “ยิ่งทำงานหนักยิ่งดี ยิ่งทุ่มเทกับงานยิ่งมีคุณค่า” แล้วแรงจูงใจอะไรที่ทำให้คนยุคใหม่ (หรือยุคเก่า) บางกลุ่มเริ่มหันมาเป็น “Downshifting” ?????? ก็อาจจะมาจากความต้องการที่ลดความเครียด ความเหนื่อยล้าจากการทำงานหนักที่สั่งสมมา ต้องการหาความสุขให้กับตัวเอง เพิ่มเวลาในการดูแลตัวเอง ในการดูแลครอบครัว หรือแม้กระทั่งความเบื่อหน่ายกับอะไรเดิม ๆ สังเกตง่าย ๆ เลย คนกลุ่มไหนที่นิยม Downshifting กลุ่มแรกเลยคงจะเป็น…