ฝรั่งเศส
ระบุเมื่อ 23 ส.ค.64 จะเริ่มฉีดวัคซีนป้องกันโรค COVID-19 เข็มสามเพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันให้กับผู้ที่อายุมากกว่า 65 ปี ใน ก.ย.64
ระบุเมื่อ 23 ส.ค.64 จะเริ่มฉีดวัคซีนป้องกันโรค COVID-19 เข็มสามเพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันให้กับผู้ที่อายุมากกว่า 65 ปี ใน ก.ย.64
ระบุเมื่อ 23 ส.ค.64 รับมอบวัคซีนป้องกันโรค COVID-19 ของบริษัท Sinopharm ที่รัฐบาลจีนบริจาคให้เป็นครั้งที่ 3 จำนวน 500,000 โดส
ระบุเมื่อ 23 ส.ค.64 องค์การอาหารและยาสหรัฐฯ (FDA) อนุมัติใช้วัคซีนป้องกันโรค COVID-19 ของบริษัท Pfizer อย่างเป็นทางการ สำหรับใช้ในผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 16 ปีขึ้นไป จากเดิมที่อนุมัติใช้วัคซีนดังกล่าวเป็นกรณีฉุกเฉิน เมื่อ ธ.ค.63
ระบุเมื่อ 23 ส.ค.64 ประสบความสำเร็จในการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ในกรุงจาการ์ตา โดยมีผู้เข้ารับวัคซีนป้องกันโรค COVID-19 เข็มแรกทั้งสิ้น 9.3 ล้านคน และเข็มที่สอง 4.7 ล้านคน จากประชากรในจาการ์ตาทั้งหมด 11 ล้านคน
ระบุเมื่อ 23 ส.ค.64 มีแผนฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ให้ จนท.ในหน่วยงานรัฐบาล 44 แห่ง เพื่อเตรียมรับมือก่อนถึงฤดูกาลแพร่ระบาด และลดภาระในการบริหารทรัพยากรสำหรับตรวจหาเชื้อ และกักตัวกลุ่มที่มีอาการต้องสงสัยว่าติดเชื้อ COVID-19 เนื่องจากทั้งสองโรคมีอาการคล้ายคลึงกัน
ประกาศเมื่อ 23 ส.ค.64 ปรับลดราคาค่าตรวจหาเชื้อ COVID-19 ด้วยวิธี RT-PCR ให้อยู่ระหว่าง 450,000-550,000 รูเปียะฮ์ (ประมาณ 1,035-1,265 บาท) จากเดิมที่กำหนดไว้สูงสุด 900,000 รูเปียะฮ์ (ประมาณ 2,070 บาท) หรือลดลงประมาณร้อยละ 39-50
สถานการณ์เข้ายึดกรุงคาบูลของกลุ่มตอลิบันในอัฟกานิสถานเมื่อไม่นานมานี้ถือได้ว่าสร้างแรงสั่นสะเทือนอย่างมากทั้งในเชิงการเมือง เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม ตลอดจนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ โดยเฉพาะมีผลอย่างมากต่อภูมิรัฐศาสตร์ ซึ่งนักวิเคราะห์บางส่วนถึงกับเอ่ยว่าเหตุการณ์นี้จะเปลี่ยนฉากทัศน์ของภูมิรัฐศาสตร์ในภูมิภาคเอเชียใต้ เอเชียกลาง และเอเชียตะวันตก อย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน โดยเฉพาะสมดุลของสมการด้านความมั่นคงในภูมิภาคเอเชียใต้ถือได้ว่ามีความเปลี่ยนแปลงในระดับที่เรียกว่า “พลิกผัน” เพราะตลอดหลายปีมานี้นับตั้งแต่สหรัฐอเมริกาส่งทหารเข้าไปในอัฟกานิสถานเมื่อปี 2544 นั้น มหาอำนาจในเอเชียใต้อย่างอินเดีย ถือเป็นผู้สนับสนุนด้านมนุษยธรรม และลงทุนในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานจำนวนมากในอัฟกานิสถาน อินเดียมีจุดยืนตรงข้ามกับกลุ่มตอลิบันมาโดยตลอดนับตั้งแต่ปี 2539 ที่ตอลิบันเข้าปกครองอัฟกานิสถาน เพราะในช่วงเวลานั้นอินเดียให้การสนับสนุนกลุ่มพันธมิตรฝ่ายเหนือโดยใช้สถานทูตในกรุงดูชานเบ ประเทศทาจิกิสถานในการให้ความช่วยเหลือกลุ่มดังกล่าวเพื่อต่อสู้กับตอลิบัน จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่หลังการล่มสลายของรัฐบาลตอลิบันในปี 2544 อินเดียจะมีความใกล้ชิดกับรัฐบาลชุดใหม่ที่ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐอเมริกาและพันธมิตร ทำไมอัฟกานิสถานถึงสำคัญกับอินเดีย สำหรับเหตุผลที่อินเดียให้ความสำคัญอย่างมากต่ออัฟกานิสถานคงไม่แตกต่างไปจากประเทศอื่น ๆ มากนัก นั่นคือประเด็นเรื่องความมั่นคงและการก่อการร้าย ซึ่งตลอดหลายปีที่ผ่านมาอินเดียกล่าวหากลุ่มตอลิบันมาโดยตลอดว่าให้ที่พักพิงกลุ่มติดอาวุธที่ปฏิบัติการในพื้นที่แคชเมียร์ซึ่งอยู่ภายใต้การบริหารจัดการของอินเดีย ฉะนั้นการที่รัฐบาลอัฟกานิสถานไม่อยู่ภายใต้การบริหารของตอลิบันจึงมีส่วนดีอย่างมากต่อการจัดการเรื่องความมั่นคงของอินเดีย ตลอดหลายปีก่อนที่สหรัฐอเมริกาจะถอนทหารออกจากอัฟกานิสถาน และกลุ่มตอลิบันจะกลับขึ้นมามีอำนาจนั้น อินเดียถือได้ว่ามีความสัมพันธ์ที่ดีมากโดยเฉพาะในประเด็นเรื่องความมั่นคงกับรัฐบาลอัฟกานิสถาน ทั้งยังมอบทุนการศึกษาและงบประมาณจำนวนมากให้กับกองทัพอัฟกานิสถานเพื่อฝึกอบรมให้กับกองทัพและหน่วยข่าวกรองของอัฟกานิสถาน ยิ่งไปกว่านั้นตลอด 20 ปีที่ผ่านมาอินเดียได้ลงทุนด้านเศรษฐกิจให้กับอัฟกานิสถานไปมากถึง 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ S Jaishankar รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของอินเดียถึงกับกล่าวในการประชุมที่เจนีวาเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2563 ว่า “วันนี้ไม่มีส่วนใดของอัฟกานิสถานที่ไม่ถูกแตะต้องโดยโครงการมากกว่า 400 โครงการที่อินเดียดำเนินการใน 34 จังหวัดของอัฟกานิสถานทั้งหมด” อาจกล่าวได้ว่าอินเดียมีความผูกพันอย่างมากกับรัฐบาลอัฟกานิสถานในตลอด 20 ปีที่ผ่านมา…
จากสถานการณ์ COVID-19 ทำให้เราต้องทำงานบนโลกออนไลน์อยู่ที่บ้านมากขึ้น ทำให้ผู้ไม่ประสงค์ดีจ้องที่จะโจมตีเรามากขึ้นกว่าเดิม แล้วเราจะทำอย่างไร ?? ให้ปลอดภัยจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ Episode นี้ มีคำตอบครับ เชิญรับชมรับฟังได้เลยครับ